วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

 

Homeผู้จัดทำคำศัพท์ที่ใช้บ่อยๆคำศัพท์ที่มีอยู่ทั้งหมดคำแนะนำ

 

  

วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ 
การใช้กริยา 3 ช่องในประโยค 
ใช้กริยา 3 ช่องในConjugation 
แบบฝึกหัด 
เฉลยแบบฝึกหัด 

  

 วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

( HOW  TO USE  VERB  )

          คำกิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เรียกว่า “ กิริยา 3 ช่อง “ ซึ่งแต่ละช่องก็บอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย  ตามตัวอย่างในตาราง ต่อไปนี้

ช่องที่ 1                 ช่องที่ 2                    ช่องที่ 3

run                        ran                           run

 see                     saw                         seen

 กิริยาช่องที่ 1 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

กิริยาช่องที่ 2 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

กิริยาช่องที่ 3 ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา หรือ Complement  “

          ***  ตามความเห็นของอาจารย์ผู้เขียน  เปรียบคำกิริยาเหมือนกับผู้กำกับหนังหรือละคร  ตัวประธาน ก็เหมือนพระเอกหรือนางเอก ส่วนตัวกรรมก็เหมือนกับบทบาท ของนักแสดงทั้งหมด ที่ผู้กำกับต้องคอยป้อน ว่าจะให้สมบทบาทแค่ไหน หรือแสดงออกมาสมจริงอย่างไร.

คำกิริยามีวิธีใช้อยู่ 2 วิธี คือ

1.    ใช้เป็นกิริยาแท้ของประโยคที่มีตัวประธานเป็นบุรุษสรรพนาม

( ยกเว้นสรรพนามบุรุษที่ 3 )และตัวประธานที่เป็นพหุพจน์ เช่น

                   I

                   We               want  a  book.

                   You

                   they

          The  boys  want   some  books.

2.  ใช้เป็นคำแสดข้อความที่มี  to  นำหน้ากิริยา เช่น   to work , to  go ,  to run , to buy เป็นต้น

          ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมานั้นก็เป็นส่วนของคำกิริยา ซึ่งนักศึกษาสามารถทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับนักศึกษา.

          กล่าวโดยสรุปแล้ว คำกิริยาที่ได้ยกมาพูดตั้งแต่ต้น สามารถสรุปได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

1.    กิริยาแท้  ( Finite  Verb )

2.    กริยาช่วย  (Auxiliary  Verb )

ในส่วนของกิริยาช่วยนั้นอาจารย์ผู้เขียน ขอกล่าวเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ซึ่งได้ผ่านหูผ่านตานักศึกษามาบ้างแล้ว  นั่นก็คือ

1.    Verb  to  be  ( is , am , are , was , were  )  แปลว่า เป็น,  อยู่ , คือ

2.    Verb  to  have ( has , have , had ) แปลว่า  มี

3.    Verb  to  do ( do , dose, did ) แปลว่า ทำ

โดยทั่วไปแล้วเราจะเห็นว่า คำกิริยา ก็จะเป็นตัวแปร หรือตัวช่วยที่สำคัญ ที่ช่วยให้เราได้รู้ถึงคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละประโยค ที่เรียกว่า” เหตุการณ์ “

          ก่อนที่จะยุติเรื่องการใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ ผู้เขียนขอยกตัวอย่างให้นักศึกษาดู เพื่อประกอบการทำความเข้าใจ  ขอเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือในชีวิตประจำวัน

          Manit  is  a  student  of  this  college. Every  day  he  gets up at  06.00 o’clock and  then  he hurry takes a  shower, cleans his  shoes and  gets  dressed. His  house is near  the  college  about  4 kilometers , some  times when  it is  raining  he  is going  to  take  a motorcycle  with  his  friend.

          คำกิริยาบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน และยังบอกให้เราทราบว่าเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย  ทั้งนี้สังเกตที่คำกิริยานั่นเอง

          หากนักศึกษาอยากเข้าใจให้มากขึ้นกว่านี้  นักศึกษาต้องพยายามอ่าน  พูด และเขียนให้เยอะ ๆ จะได้มีทักษะมากขึ้น และในที่สุดการใช้ภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งที่ง่าย

          และก่อนจาก ขอฝากข้อคิดไว้ว่า “ ไม่มีคำว่าแพ้  ในหมู่นักสู้ “

“ ความล้มเหลวของนักสู้  มิใช่อยู่ที่เคยพ่ายแพ้มาก่อน  แต่… อยู่ที่ไม่ยอมเริ่มต้นต่างหาก “

 

จัดทำโดย
นางสาวธารทิพย์ ลภาไพโรจน์
โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร
Copyright(c) 2006 MissTharnthip Laphapairoj. All rights reserved.

จำนวนผู้เข้าใช้งาน
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2549

thaigoodview.com Version 13.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com