เกาลัดกัดอร่อย สุโค่ยยยย!!!!!!!

ที่มาของวิดิโอ http://www.youtube.com/watch?v=mTYOKGy6aUo
มารู้จักเกาลัดกันเถอะ :D
เกาลัด หรือเชสท์นัท (chestnut) เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่ในแทบจะทุกแถบถิ่นของโลกที่มีอากาศเย็น เป็นพืชท้องถิ่นทั้งในอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น แต่จัดเป็นพันธุ์ไม้หายากในบ้านเรา การปลูกเกาลัดจึงยังไม่แพร่หลาย คนไทยเรียกชื่อตามภาษาถิ่นว่า 'ลูกก่อ'
สำหรับเกาลัด ถึงจะเปลือกแข็ง ก็เป็นนัท(เมล็ดเกาลัด,ลูกเกาลัด)ประเภทเดียวที่ทางโภชนาการถือว่าเป็นผัก เพราะมันมีแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก และน้ำมันมีนิดเดียวและเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว อุดมด้วยวิตามินบี คนโบราณเขาว่าเกาลัดเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
ที่มาของภาพ http://122.155.0.199/jabchai/images_joke/5035/5035-3.jpg ที่มาของภาพ http://i230.photobucket.com/albums/ee192/septimus_album/ChestnutTree.jpg
ประเภทของเกาลัด
เกาลัด มีหลากหลายพันธุ์ ประเทศไทยได้มีการทดลองปลูกโดยนำมาจากประเทศจีนประมาณปี 2528 โดยมีการคัดแยกสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย
เกาลัด ที่นิยมกินกันเป็นพันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดเกาลัดขนยาวคล้ายเงาะ ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไป
ส่วน เกาลัด ที่มีเปลือกกำมะหยี่แดง เป็นที่นิยมในการปลูกเป็นไม้ประดับในสวน เพื่อความสวยงาม เนื่องจากพวงผลที่มีลักษณะเด่นเป็นสีแดงสดหุ้มเมล็ดเกาลัด และเมื่อผลออกเต็มต้นจะดูสวยงามเหมือนต้นโอ๊คที่มีผลสีแดงเต็มต้นซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ขนยาวคล้ายเงาะ เกาลัดพันธุ์เปลือกกำมะหยี่แดงจึงเป็นที่นิยมในการปลูกเพื่อประดับ และเป็นศิริมงคลมากกว่า
ต้นกำเนิดของเกาลัดในประเทศไทยจึงนับได้ว่านำเข้ามาจากประเทศจีนทั้งสิ้น เพียงแต่ประเภทของเกาลัดมีจำนวนมากและต้องคัดตามความต้องการในการใช้ประโยชน์ของผู้ปลูก
ที่มาของภาพhttp://3.bp.blogspot.com/_fVMTnglRaeY/SppTZAnCvwI/AAAAAAAAAUA/Ne_iwBnphiA/s320/raiwan_S_0_out.jpg ที่มาของภาพ http://www.dhammadelivery.com/images/webboard/webboard-topic6915.jpg http://www.vcharkarn.com/uploads/209/210122.jpg
เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงินในกระเป๋า แล้วไปปลูกเกาลัดกันเลยจ้าาา \o/
การปลูกเกาลัด สามารถทำได้ทั้งจากการตอนกิ่ง ลูกเกาลัดหรือเมล็ดเกาลัดโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 6-7 ปีจึงจะผลิดอกออกผล ต้องใช้เวลาและรู้จักรอคอย โดยเฉพาะการเพาะจากลูกเกาลัด เนื่องจากต้องผ่านอุปสรรคเรื่องของแมลง และกระรอกที่จะคอยกัดกินผล อีกทั้งสภาพของดินและอากาศในขณะเพาะก็มีผลเช่นกัน
แมลงที่ชอบวางใข่เพื่อให้ลูกเกิดเป็นตัวหนอนแล้วไชเนื้อเมล็ดเกาลัดเป็นอาหารคือ ด้วงดิน
ส่วนหอยทากก็ชอบเช่นกัน ที่หนักไปกว่านั้นคือ กระรอก เนื่องจากกระรอกจะกินตั้งแต่เปลือกหุ้มเมล็ดยังเป็นสีเขียว นำมาแทะเล่นแล้วทิ้งซากไว้ให้ดูต่างหน้าเป็นประจำ ส่วนที่สุกจนเปลือกหุ้มเมล็ดเป็นกำมะหยี่แดงก็มีโอกาสสูงที่จะถูกกระรอกกินเช่นกัน
นอกจากนี้ต้นอ่อนที่เพาะในกระถางยังสามารถถูกกระรอกมาขุดกินและทำลายอีกด้วย แต่เมื่อลำต้นตั้งตรงได้ประมาณ 20 เซนติเมตร ปัญหาเรื่องกระรอกก็จะหมดไปจนกว่าจะออกผลอีกนั่นเอง อย่างไรก็ตามกระรอกมักจะโปรดปรานมะม่วงมากกว่าลูกเกาลัด เนื่องจากกินมะม่วงง่ายกว่าการมาแทะลูกเกาลัดเปลือกแข็งนั่นเอง
ที่มาของภาพ http://www.nanagarden.com/Picture/Product/100/124631.jpg ที่มาของภาพ http://img32.imageshack.us/img32/6416/640x480st833873.jpg
วืธีทำเกาลัด
เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็กๆ คั่วรวมอยู่ด้วย หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาล พ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำ ก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวาน บางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป
เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทราย ก็เพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึ่งดีนักสำหรับการทำให้เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดีๆเนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลา จะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อยๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนาน ราว 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะ จนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหล่ะจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุดใหม่

ความหมายดีๆของเกาลัดที่ไม่ควรมองข้ามไป OoO
เกาลัดในประเทศญี่ปุ่น
เกาลัดญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของ ความสำเร็จ ความเป็นผู้นำ และความเข้มแข็ง คนญี่ปุ่นรู้จักปลูกเกาลัดมาก่อนปลูกข้าวเสียอีก คนญี่ปุ่นเรียกเกาลัดว่า “คูริ”
เกาลัดในประเทศจีน
เกาลัดจีน ภาษาจีนใช้คำว่า “ลี่” แทนเกาลัด เป็นที่นิยมกันมากในงานแต่งงาน โดยเกาลัดเป็นสัญลักษณ์ของการขอให้มีบุตรในเร็ววัน ชาวจีนปลูกเกาลัดมานานกว่า 2000 –6000 ปีมาแล้วจ้ะ
เกาลัดในประเทศไทย
เนื่องจากเป็นต้นไม้หายากในไทย ต้นกล้าจึงมีจำนวนจำกัด .เจ้าสัวเมืองไทยนิยมปลูกไม้มงคลชนิดนี้ เชื่อว่าให้โชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา
เกาลัดกับสรรพคุณทางยา สุดยอดมั่กๆเลยละ :3
1.หากกินเมล็ดเกาลัดดิบจะแก้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ
2.ถ้าหากเคี้ยวดิบ ๆ ค่อย ๆ ซึมซับเอาน้ำเกาลัดเข้าไปจะแก้คออักเสบ
3.หากเอาเกาลัด 7 ลูกไปต้มกับข้าวกล้อง ใส่เซ่งจี๊ จะช่วยแก้อาการปวดหลัง
4.ถ้าท้องเสีย โดยเฉพาะในเด็ก ให้เอาเกาลัดมาบดเป็นแป้งแล้วต้มกับพลับแห้ง จนเป็นแป้งเปียก กินไปจนกว่าอาการท้องเสียจะทุเลาลง
5. กินเกาลัดแห้ง 7 เมล็ดต่อวัน กับโจ๊กไตหมู ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและปวดเท้าได้ หรือกินเกาลัดดิบ แก้คออักเสบ
6.เผาเปลือกเกาลัดแล้วนำมาบดเป็นผงให้ได้ 6 กรัม ผสมกับน้ำผึ้ง 30 กรัม กินรักษาริดสีดวงทวาร
7.ต้มเกาลัด 60 กรัมกับพุทราจีนแห้ง 4 ผล และหมูเนื้อแดง กินบำบัดอาการหอบหืดหรือไอ
8. แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้อาเจียน คลื่นไส้ ท้องเดิน
9. ห้ามเลือด ช่วยการไหล เวียนเลือด
10. แก้อาการถ่ายเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล
11. แก้วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และอาเจียนเป็นเลือด
ข้อควรระวัง
• ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืดบ่อย ๆ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรกิน
• ผู้ที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ร้อนใน ตาบวม ห้ามกิน
แหล่งอ้างอิง http://www.kaolud.com/tree/tree.html และ http://www.เกาลัด.com
ดีจ้า
ขอมอบปลาให้ไปเลี้ยงนะจ้ะ
ที่มาของภาพ http://2.bp.blogspot.com/_7rUu3IhNi9I/TLR00C2uJRI/AAAAAAAABfY/P6v3yNeL54g/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A11.jpg
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
อับโหลดภาพ แก้ไขข้อมูล และ ให้อ้างอิงแหล่งที่มาของภาพไว้ที่ใต้ภาพด้วย
ขอมอบปลาให้ไปเลี้ยงนะจ้ะ
ที่มาของภาพ http://upload.tarad.com/images2/59/bd/59bdfb00cace09c128ce3131668942ae.jpg
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน