STOP! โรคร้าย


..........
..........ตาแดง
..........โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา (conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
..........
..........ตาแดง
..........โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา (conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
..........
..........- อาการของโรคตาแดง
....................แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
..........1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
..........2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
....................- ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
....................- ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
....................- ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
..........3.ตาแดงเป็นข้างหนึ่งหรือสองข้าง
....................- เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
....................- เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
....................- ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์
..........4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
..........5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
..........6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ
..........
..........- การตรวจร่างกาย
....................• คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
....................• ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
....................• ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
....................• การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
..........
..........- การป้องกันโรคตาแดง
....................• อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
....................• อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
....................• ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
....................• ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
....................• อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
....................• อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
....................• ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
....................• อย่าสัมผัสมือ
....................• เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค
..........
..........- การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
....................• ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
....................• ล้างมือบ่อยๆ
....................• อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
....................• ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
....................• อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
....................• ปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
..........
..........- หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
....................• ตามัวลง
....................• ปวดตามากขึ้น
....................• กรอกตาแล้วปวด
....................• ไข้
....................• ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
....................• น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
....................• แพ้แสงอย่างมาก
..........
..........- การหยอดยาหยอดตา
....................• ล้างมือก่อนหยอดตาทุกครั้ง
....................• ดึงหนังตาล่างลง
....................• ตาเหลือกมองเพดาน
....................• หยอดตาตรงกลางเปลือกตาล่าง
....................• ปิดตาและกรอกตาไปมาเพื่อให้ยากระจาย การหยอดครีมให้หยอดจากหัวตาบีบไปปลายตา ปิดตาและกรอกตาไปมา
....................• เช็ดยาที่ล้นออกมา
....................• ล้างมือหลังหยอดเสร็จ
..........
....................แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
..........1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
..........2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
....................- ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
....................- ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
....................- ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
..........3.ตาแดงเป็นข้างหนึ่งหรือสองข้าง
....................- เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
....................- เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
....................- ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์
..........4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
..........5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
..........6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ
..........
..........- การตรวจร่างกาย
....................• คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
....................• ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
....................• ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
....................• การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
..........
..........- การป้องกันโรคตาแดง
....................• อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
....................• อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
....................• ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
....................• ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
....................• อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
....................• อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
....................• ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
....................• อย่าสัมผัสมือ
....................• เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค
..........
..........- การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
....................• ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
....................• ล้างมือบ่อยๆ
....................• อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
....................• ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
....................• อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
....................• ปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
..........
..........- หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
....................• ตามัวลง
....................• ปวดตามากขึ้น
....................• กรอกตาแล้วปวด
....................• ไข้
....................• ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
....................• น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
....................• แพ้แสงอย่างมาก
..........
..........- การหยอดยาหยอดตา
....................• ล้างมือก่อนหยอดตาทุกครั้ง
....................• ดึงหนังตาล่างลง
....................• ตาเหลือกมองเพดาน
....................• หยอดตาตรงกลางเปลือกตาล่าง
....................• ปิดตาและกรอกตาไปมาเพื่อให้ยากระจาย การหยอดครีมให้หยอดจากหัวตาบีบไปปลายตา ปิดตาและกรอกตาไปมา
....................• เช็ดยาที่ล้นออกมา
....................• ล้างมือหลังหยอดเสร็จ
..........
อืม ดีจ้ะ แต่จะเพิ่มเติมอีกก็ได้นะจ้ะ
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
เนื้อหาเยอะ แบนเนอร์สวยจ่ะ
ถ้าทำแบนเนอร์ลิงค์ทุกหน้าด้วยจะดีมาก จะได้กดง่ายขึ้น :))
きれいだったね、すごい!!!!!
ชอบแบรนเนอร์มากๆๆๆๆๆๆ
งานสวยอ่ะโย่ง 5555555555555.