ตะลุยญี่ปุ่น...ดินแดงแห่งอาทิตย์อุทัย


สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น
หากจะว่าไปแล้วนับเป็นประเทศที่ติดอันดับต้นๆ
เลยทีเดียวที่มีคนอยากไปท่องเที่ยวมากที่สุด
อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นมีภูมิประเทศที่มีความเป็นเฉพาะตัว และมีเอกลักษณ์ อย่างเช่น
ภูเขาไฟฟูจิ ที่มีหิมะที่เปล่งความงดงามอยู่คู่ประเทศมายาวนาน
ศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างเหนียวแน่น
และคนญี่ปุ่นที่มีความเป็นมิตรไมตรี
เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่อยากจะไปเยือนญี่ปุ่นอีกครั้ง
สถานที่ที่จะแนะนำมี 5 ที่ ดังนี้
1.โตเกียว (Tokyo) ได้แก่
พระ
ราชวังอิมพีเรียล
(Tokyo)พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์
อาณาบริเวณหลายแห่งในพระราชวังจึงมิได้เปิดให้เข้าชม
แต่บางส่วนจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงวันหยุดพิเศษ
ตัวปราสาทสร้างตามรูปแบบในสมัยเอโดะ ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหิน
ทางเข้าหลักจะเป็นสะพานคู่หรือเรียกว่า นิจูบาชิ (Nijubashi)
ที่สร้างได้อย่างสวยสง่างาม แต่ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปผ่าน
ยกเว้นในช่วงปีใหม่และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิที่จะเปิด
ให้พสกนิกร(บางคน)ข้ามมารับพระราชทานพรใกล้ๆที่ประทับ
ทางด้านตะวันออกจะมีสวนดอกไม้ (Higashi Gyoen)
ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงามเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอด
เวลา และเข้าไปยังเขตพระราชฐานได้ 3 ประตู จากทั้งหมด 8 ประตู คือ
โอเตมง(Ote-mon), ฮิรากาวะมง(Hirakawa-mon)
และคิตะฮาเนบาชิมง(Kitahanebashi-mon)
ตัวพระตำหนักเป็นอาคารคอนกรีตทรงเตี้ยกว้างสร้างด้วยหินแกรนิตและบะซอลต์จาก
ภูเขาไฟ คลุมด้วยหลังคาสีเขียว สร้างเสร็จในปี 1970
แทนพระตำหนักไม้หลังเดิมที่ถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกในปี 1945
อาซากุสะ
(Asakusa)สิ่งที่อยู่คู่กับย่านอาซากุสะและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ
วัดเซ็นโซจิ หรืออาซากุสะคันนง (Asakusa Kannon)
น่าจะเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตและมีนักท่องเที่ยวนิยมมา
เยือนกันแน่นขนัดทุกปี
และซื้อของที่ระลึกซึ่งมีร้านรวงตั้งเป็นแถวยาวให้เลือกจับจ่าย
จึงทำให้วัดแห่งนี้รุ่งเรืองและคึกคักด้วยผู้คน
ตำนานของวัดแห่งนี้เล่าต่อๆกันมาว่าได้มีชายหาปลาสองคนพี่น้องมาทอดแหในแม่
น้ำ แต่กลับได้รูปปั้นพระโพธิสัตว์(Kannon)แทน
หัวหน้าหมู่บ้านจึงสร้างวัดขึ้นใน ค.ศ. 628 เพื่อประดิษฐานรูปปั้นนั้น
และตำนานยังมีต่ออีกว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่พบรูปปั้นได้ปรากฎมังกร
ทองตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากสวรรค์
บรรดาโชกุนและซามูไรต่างก็นิยมมาสักการะที่วัดนี้ ทางทิศตะวันออกของวัดคือ
แม่น้ำซูมิดะงาวะ(Sumida-gawa)
ไหลลงอ่าวโตเกียวและใกล้ๆกันจะมีสวนสาธารณะซูมิดะโคเอ็น(Sumida Koen)
ซึ่งเปิดโล่งสู่แม่น้ำด้วยบรรยากาศสวยงามน่าเดินเล่น
โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง
ริมแม่น้ำแห่งนี้ยิ่งสวยงามเหนือคำบรรยายจริงๆค่ะ
ชินจูกุ
(Shin-juku)ชินจูกุเป็นสถานีรถไฟที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนต่อรถไฟทั้งสายในโตเกียวและ
วิ่งสู่ภูมิภาคต่างๆรวมถึงรถไฟใต้ดินด้วย บริเวณสถานี
มีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายแน่นขนัดทั้งบนดินและใต้ดิน
และยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อีก 4 แห่งให้เดินชอบปิ้ง
กันสุดเหวี่ยงไปเลย
ในแถบนั้น หากเดินห้างทั้ง 4 แล้วยังไม่จุใจยังไม่หมดนะคะ
ให้ท่านลองเดินไปยังประตูสถานีด้านตะวันออกสู่ชินจูกุโดริ(Shinjuku Dori)
ที่นั่นจะมีห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านค้าอีกจำนวนมากไว้รองรับนักช้อป
ชินจูกุโดริมีบริเวณโล่งเหมาะแก่การเดินทอดน่องเตร็ดเตร่
มีจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ให้ชมอยู่ด้านนอกของห้างสตูดิโออัลต้า(Studio Alta)
ให้ชมกันเพลินๆไปเลย
หากต้องการชมวิวอีกรูปแบบหนึ่งให้เดินมาตามยาซุคุนิโดริซึ่งอยู่ใต้ทางรถไฟ
เพื่อไปยังด้านตะวันตกของชินจูกุ
ท่านจะได้พบกับอาคารสูงเสียดฟ้ามากมายในย่านตะวันตก
เมื่อเดินมาเรื่อยๆท่านจะตื่นตาตื่นใจกับตึกแฝดสูงลิบลิ่ว
ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan
Government Office) ด้วยความสูงของตึก 48 ชั้น หรือ 243 เมตร
ทำให้อาคารแห่งนี้ดูเด่นตระหง่านและเหมือนจะประกาศความยิ่งใหญ่ของโตเกียว
ได้เป็นอย่างดี
2.เกียวโต (Kyoto)
เกีย
วโต นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงและที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นมาเกือบ 1,100
ปี จำลองแบบจากนครฉางอันเป็นเมืองหลวงของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง
ปัจจุบันคือเมืองซีอาน โดยผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม
มีถนนตัดกันเป็นรูปตารางและยังคงปรากฎหลักฐานมาจนถึงปัจจุบัน
เกียวโตคือสัญญลักษณ์ความเป็นประเพณีนิยมของญี่ปุ่น
เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่เก็บรักษาศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไว้
เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของญี่ปุ่น มีจำนวนประชากร 1,400,000 คน
ถ้าคุณจะ
เริ่มเที่ยวที่เกียวโต
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนั่งรถไฟชินคังเซ็นจากโตเกียวมาลงที่สถานีเกียวโต
(Kyoto Station) ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมง เมื่อเดินออกมาจากสถานีรถไฟ
ก็จะได้เห็นสภาพเมืองเกียวโตแออัดจอแจเหมือนเมืองทั่วไปในญี่ปุ่น
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวจะซ่อนตัวอยู่รายรอบด้านนอกกำแพงเมืองเก่าและตามถนน
สายแคบ แม้ความเจริญทันสมัยจะรุกล้ำอย่างรวดเร็ว
ทว่าก็ยังพบเห็นบ้านเรือนแบบเก่ามากมายตามตรอกแคบๆ
ปราสาทนิโจโจ
(Nijo-jo) เริ่มสร้างโดยเจ้าเมืองโอดะ โนบุนางะ ในปี 1569 โชกุนโทกุงาวะ
อิเอยะสุ ผู้เป็นมิตรได้สานต่อจนสำเร็จ
ปราสาทแห่งนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงหินโอ่อ่า
และห้องโถงสำหรับเจ้าเมืองเข้าเฝ้าโชกุนตกแต่งด้วยทองหรูหราสะท้อนถึงอำนาจ
โชกุนในสมัยเอโดะ ภายในปราสาทมีวังนิโนมารุ
กระดานระเบียงเชื่อมหมู่อาคารของวังเป็นพื้น "นกไนติงเกล"
เวลาเดินเหยียบพื้นจะมีเสียงดังเหมือนเสียงนกนี้หากเดินไปทางทิศตะวันตกตาม
ถนนคิตะโอจิโดริ (Kitaoji Dori) ก็จะผ่านสวนสาธารณะฟุนาโอกะยามะโคเอ็น
เพื่อไปยังวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji-วัดศาลาทอง)
ซึ่งรู้จักกันดีที่สุดในเกียวโต วิหารหุ้มด้วยทองคำมี 3 ชั้น
โดยชั้นแรกมีลักษณะเป็นพระราชวัง ชั้นที่สองเป็นแบบบ้านซามูไร
ส่วนชั้นที่สามเป็นแบบวัดเซน วัดแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสระน้ำกว้างใหญ่
โอบล้อมด้วยแมกไม้ จึงมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง
ย่านเก่ากิอน (Gion)
เป็นย่านเริงรมย์หรือถิ่นเกอิชาชื่อกระฉ่อนของเกียวโต
ในเกียวโตเรียกเกอิชาว่า "ไมโกะ หรือ เกโกะ"
สมัยโบราณคำว่าเกอิชาในเมืองเกียวโตหมายถึงผู้ให้ความบันเทิงซึ่งเป็นชายแต่
แต่งกายเป็นหญิง
แต่ในเมืองโตเกียวและโอซาก้าคำนี้หมายถึงผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นหญิง
ไมโกะเป็นเด็กรุ่นสาวอายุราว 16 ปี ตรงเอวรัดผ้าแถบยาวเรียก โอบิ (obi)
อันเป็นลักษณะเฉพาะ พออายุได้ 21 ปีก็ขยับฐานะไปเป็นเกโกะ
แต่งชุดกิโมโนประดับประดาเต็มที่
3.โอซาก้า (Osaka)
โอซาก้า
เป็นเมืองธุรกิจที่สำคัญและมีการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน
โอซาก้าได้รับสมญานามมากมาย เช่น เมืองแห่งสายธาร
เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือจะเป็นนครพันสะพาน
เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง
แม่น้ำและสะพานเหล่านี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซาก้า
ซึ่งเป็นประตูส่งออกที่สำคัญของญี่ปุ่น
ปราสาทโอซาก้าโจ (Osaka-jo)
เป็นจุดที่มีผู้ไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
โดยเดินไปตามบาทวิถีจนถึงปลายเกาะนาคาโนะชิมะด้านตะวันออก
แล้วเดินไปทางเหนือข้ามสะพานเท็นจินบาชิ (Tenjin-bashi) ตรงป้อมตำรวจ
แล้วเดินขึ้นไปทางเหนืออีกจะพบ ศาลเจ้าเท็มมังงุจิงงุ (Tenmangu Jingu)
ซึ่งสร้างถวายเทพแห่งความรู้ เมื่อเดินตามบาทวิถีริมแม่น้ำราวหนึ่งกิโลเมตร
ก็จะถึงโรงกษาปณ์โอซาก้า (Osaka mint) และพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณ์
จากนั้นข้ามสะพานคาวาซากิบาชิ (Kawasaki-bashi)
ไปยังปราสาทโอซาก้าโจที่อยู่ข้างหน้า
ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับโอซาก้าในกาลข้าง
หน้า หอคอยปราสาทผงาดเหนืออุทยานกว้างและกำแพงหิน
เป็นการจำลองแบบจากของเดิมที่สร้างโดย โตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ เมื่อปี 1585
ปราสาทมหึมาหลังนี้สร้างเสร็จโดยใช้เวลาสามปี
โดยระดมคนจำนวนหลายหมื่นมาก่อสร้าง
4.ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
คุณสามารถชมเมืองฮิโรชิมาได้ดีที่สุดด้วยการนั่งรถ
แล้วชมเมืองผ่านทางหน้าต่างรถที่แล่นไปเรื่อยๆ
อันแรกขอแนะนำ ปราสาทฮิโรชิม่าโจ (Hiroshima-jo)
สร้างโดยตระกูลโมริด้วยเทคนิคก่อสร้างและป้องกัน
ศัตรูที่ทันสมัย ปราสาทตั้งอยู่บนเสาเข็มตอกลงไปใน
พื้น
ดินซึ่งเคยเป็นหนองน้ำแต่ถูกถมขึ้นมา
คูน้ำล้อมปราสาทด้านนอกถูกสร้างให้อยู่สูงกว่าบริเวณรอบๆ
เพื่อปล่อยน้ำทะลักท่วมพื้นที่ราบ ในศตวรรษที่ 19
ปราสาทแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
และใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหารด้วยแต่แล้วก็ถูกระเบิดถล่ม ในปี 1958
จึงได้รับการก่อสร้างใหม่
ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับที่แห่งนี้ไว้ด้วย
นอกจากนี้
ในสวนยังมีอนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพ
อนุสาวรีย์สร้างเป็นรูปตัวยูคว่ำสะท้อนบ้านหลังคามุงจากสมัยโบราณของญี่ปุ่น
บรรจุหีบศิลาพร้อมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์และคำจารึกว่า
"จงเข้าสู่นิทราอย่างสงบ ความผิดพลาดมิอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม"
จากอนุสาวรีย์คุณจะมองเห็นเปลวไฟแห่งสันติภาพและอะตอมิคโดม
มีรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเด็กหญิงผู้หนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรค
มะเร็งในเม็ดเลือดเนื่องจากกัมมันตภาพรังสี
เธอเชื่อว่าถ้าสามารถพับนกกระเรียนได้ 1,000 ตัวก็จะไม่ตาย
แต่แล้วเธอก็สิ้นใจขณะพับนกได้ 954 ตัว เธอก็คือ ซาดาโกะ
ที่เรารู้จักกันนั่นเอง
เด็กนักเรียนทั่วประเทศจะพากันน้ำพวงหรีดที่พับด้วยนกกระเรียนมาสวมรอบคอรูป
ปั้นเสมอ มิยาจิมะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเลยทีเดียว
ใครที่ไปฮิโรชิม่าคงไม่พลาดรายการนี้เป็นแน่ เกาะมิยาจิมะ
หรือเกาะแห่งศาลเจ้า อยู่ถัดจากตัวเมืองฮิโรชิม่าออกไป
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ที่นี่คุณจะได้พบกับสัญลักษณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่คุ้นตาคือ "โทริอิ"
ซึ่งเป็นซุ้มประตูสีแดงที่ผุดทะยานเหนือผืนน้ำทะเลเบื้องหน้าศาลเจ้าอิตสึคุ
ชิมะจินจะ ตัวศาลเจ้าเองผงาดอยู่บนตอไม้สูง
เวลาน้ำขึ้นจึงดูราวกับเรือขนาดยักษ์ลอยอยู่บนสายน้ำ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานไปที่หอทำวัตรเช้า
ซึ่งมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกายและหน้ากากซึ่งใช้ในเทศกาลระบำบุงากุ
ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม และละครโนห์ที่แสดงในกลางเดือนเมษายน
5.โยโกฮาม่า (Yokohama)
ปัจจุบันเมืองโยโกฮาม่า เป็นส่วนหนึ่งของกรุงโตเกียว
และเป็นเมืองศูนย์กลางที่สำคัญเนื่องจากมีท่าเรือพาณิชย์
นานาชาติใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกไกล เมืองโยโก
ฮา
ม่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากโตเกียว โดยมีประชากรกว่า 3 ล้านคน
หากนั่งรถไฟจากโตเกียวใช้เวลาเพียง 30 นาที
จุดน่าเที่ยวหลายแห่งในเมืองรวมกันอยู่ไม่ไกลกันนัก..ตามมาสำรวจกันเลยค่ะ
ไช
น่าทาวน์ หรือชูคะไง เป็นถิ่นชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
และเก่าแก่เกือบพอๆกับย่านท่าเรือ เรื่องอาหารการกินที่นี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ
มีให้เลือกรับประทานมากมายภัตตาคารอาหารมีอยู่ราว 150 ร้าน
และร้านที่จำหน่ายขนมหวานนำเข้าจากจีน
และสินค้าเบ็ดเตล็ดจากที่อื่นๆในเอเชีย
มารีนทาวเวอร์ (Marine Tower) หอคอยสูง 106 เมตร
รูปทรงทันสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ยามค่ำคืนจะมีนักท่องเที่ยว
จำนวนมากมาถ่ายรูปบริเวณนี้ หอคอยที่ประดับประดาด้วย
แสงไฟช่างเป็นแบล็คกราวที่น่ารื่นรมย์ยามค่ำคืนนัก