ตะลุยญี่ปุ่น...ดินแดงแห่งอาทิตย์อุทัย


ญี่ปุ่นจะรับประทานอาหารกันวันละ 3 มื้อ คือ เช้า กลางวัน เย็น
และให้คามสำคัญกับอาหารมื้อเย็นมากที่สุด
ในสมัยก่อนสงครามครอบครัวชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารญี่ปุ่นเป็น
หลักโดยมีข้าวเป็นอาหารหลักและมีปลา ผัก ฯลฯ เป็นกับข้าว ควบคู่ไปกับ
ซุปเต้าเจี้ยว กับผักดองต่าง ๆ แต่ตั้งแต่หลังสงครามเป็นต้นมา
เนื่องจากอิทธิพลของโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน
ทำให้มีการรับประทานขนมปัง เนื้อชนิดต่าง ๆ ไข่ และผลิตภัณฑ์นมกันมากขึ้น
การ
รับประทานอาหารมีความหลากหลายมากขึ้น ตามสภาพความเจริญทางเศรษฐกิจ
ครอบครัวชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่เฉพาะแต่อาหารญี่ปุ่นเท่านั้น
ยังรับประทานอาหารของชาติต่าง ๆ
กันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ว่าจะเป็นอาหารปรุงสำเร็จ
ซึ่งไม่ต้องใช้เวลานานในการปรุงก็มีอยู่มากมายด้วย ถ้าเข้าไปในเมือง
จะพบว่าสามารถหาอาหารของชาติต่าง ๆ รับประทานได้ตามใจชอบ
ตั้งแต่อาหารญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น สุชิ เท็มปุระ โซบะ อุด้ง ฯลฯ
หรืออาหารจีน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย อินเดีย ไทย เวียดนาม ฯลฯ
หรืออาหารจานด่วน ประเภทไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ ก็มี
วิถีการรับประทานอาหารที่มีมาแต่ดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
คือ
การรับประทานอาหารหลักควบคู่กับกับข้าว อาหารหลักคือข้าว
ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นข้าวธรรมดา หุงกับน้ำ กล่าวกันว่า
ประวัติศาสตร์การบริโภคข้าวของชาวญี่ปุ่นยาวนานมาก
ตั้งแต่สมัยยะโยอิเป็นต้นมา
แต่การรับประทานข้าวแบบปัจจุบันนั้นเริ่มขึ้นในสมัยเฮอัน
สำหรับกับข้าวนั้น จะเห็นได้ว่ามีมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ผลิตภัณฑ์
นม อาหารทะเลต่าง ๆ แต่ในสมัยก่อน
การที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะล้อมรอบด้วยทะเลทั้ง 4 ด้าน
ทำให้รับประทานอาหารทะเลกันเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนจากสัตว์ที่จำ
เป็นต่อร่างกาย วิธีการทำอาหารทะเลนั้นมีหลายวิธี ทั้งปิ้ง ย่าง ต้ม นึ่ง
เป็นต้น ในบรรดาเหล่านั้นอาหารประเภท “ สะชิมิ
” ที่ใช้มีดหั่นอาหารทะเลเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมารับประทานกันสด ๆ
ถือเป็นอาหารพิเศษเฉพาะของญี่ปุ่น
อาหารประเภทเนื้อก็รับประทานกันมานานเช่นกัน
แต่เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาพุทธที่ห้ามรับประทานเนื้อสัตว์
ทำให้ต้องพึ่งอาหารทะเลกันเช่นเดิม
นอกเหนือจากอาหารทะเลแล้ว
ที่บริโภคกันมากรองลงมาก็คือผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ตัวอย่างเช่น อะบุระเงะ
(abura-age : เต้าหู้ทอด) ถั่วหมัก (natto) เป็นต้น
อาหารประเภทถั่วเหลืองเหล่านี้เป็นแหล่ง
โปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าสูงมากซึ่งขนาดไม่ได้เลยในอาหารญี่ปุ่น
นอกจากนี้ก็ยังนิยมนำผักมาปรุงมากเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าอาหารประเภทผักก็มามกมาย เช่น อาหารต้ม
อาหารคลุกเต้าเจี้ยวหรืองา (aemono) อาหารคลุกน้ำส้ม โอะฮิทะชิ (ohitashi)
เป็นต้น
โชยุ ราชาแห่งเครื่องปรุงรส
เมื่อ
พูดถึงอาหารญี่ปุ่น สิ่งที่จะลืมไม่ได้มากยิ่งกว่าข้าวและกับข้าว
ก็คือโชยุกับเต้าเจี้ยวซึ่งเป็นเครื่องปรุงรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งโชยุนั้น
ถึงกับเรียกกันว่าเป็น “ ราชา แห่งเครื่องปรุงรส ” เลยทีเดียว
เนื่องจากใช้ปรุงอาหารได้แทบทุกประเภท ทั้งใช้ใส่ในอาหาร และเป็นน้ำจิ้ม
นอกจากนั้น โชยุยังมีบทบามอย่างมากในการพัฒนาอาหารญี่ปุ่นมาจนกระทั่งบัดนี้
ถ้าจะว่าไปแล้วที่เมืองจีนก็มีซีอิ๊วแบบจีน
หรือแถบประเทศตะวันออกเฉียงใต้ก็มีน้ำปลาเช่นเดียวกัน
แต่กลิ่นและรสชาติจะแตกต่างกับโชยุของญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง ส่วนเต้าเจี้ยวนัน
ความสำคัญอาจน้อยกว่าโชยุ แต่ก็มีบทบาทอย่างมากในการปรุง ซุปเต้าเจี้ยว
อาหารย่าง หรือ อาหารประเภทคลุก เป็นต้น