อาหารชีวจิต

สร้างโดย : นางสาวนิโลบล พิพัฒวรรณกุล นางสาวสุภาดา โค้ววัฒนา
สร้างเมื่อ พุธ, 27/10/2010 – 10:05
มีผู้อ่าน 76,713 ครั้ง (09/01/2023)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/81664
รางวัลรองชนะเลิศ ประเภทสื่อออนไลน์ ระดับชั้น ม.4 – ม.6
โครงการประกวดสื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ (Digital Learning Contest) ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2553
ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

อาหารชีวจิต

ขอต้อนรับผู้เยี่ยมชมทุกท่านเข้าสู่สื่อการเรียนรู้ เรื่อง อาหารชีวจิต ค่ะ
สำหรับเนื้อหาภายในสื่อการเรียนรู้นี้จะเป็นส่วนหนึ่งในวิชา
สุขศึกษาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา
ภายในสื่อการเรียนรู้นี้มีเนื้อหาที่เหมาะสมกับ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย
และบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจที่จะศึกษาในเรื่องนี้
:Pดิฉันหวังว่า ผู้ที่มีความสนใจ ผู้ที่เข้ามาศึกษา ค้นคว้าในเรื่องนี้จะได้รับความรู้เพิ่มเติม ความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้นค่ะ ^^;

มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าภายในสื่อการเรียนรู้นี้มีอะไรบ้าง

  • บทเรียน
    1. ความหมาย
      • คำว่า “อาหาร” YOU ARE WHAT YOU EAT
      • คำว่า “อาหารชีวจิต”
    2. เคล็ดลับในแบบชีวจิต
      • เคล็ดลับรักษาสิวในแบบชีวจิต
      • สูตรสัดส่วนอาหารชีวจิต
      • ป้องกันริดสีดวงทวาร ด้วยอาหารชีวจิต
    3. แนะนำเมนูอาหาร
      • ซูชิดอกไม้
      • เทคแคร์ สลัด
      • กะหรี่ปั๊บโฮลวีทไส้กุ้ง
      • ลูกชิ้นแครอท
      • ข่ากุ้งซ่อนกลิ่น
      • ผัดกะเพราฟองเต้าหู้
  • แหล่งอ้างอิง
  • คณะผู้จัดทำ
  • แบบฝึกหัด

บทเรียน

1. ความหมาย

คำว่า “อาหาร” YOU ARE WHAT YOU EAT

คุณแน่ใจเหรอว่ารู้จัก อาหารดีแล้ว?

          ใช่ คุณกินอาหารอยู่ทุกวัน แต่ถ้าคุณแค่รู้จักอาหารในฐานะ Food อย่าง หมูหัน เป็ดปักกิ่ง ข้าวมันไก่ เท่านั้น ก็นับว่าความรู้เรื่องอาหารของคุณยังน้อยมากนะ

          ข้าว ปลา หมูเห็ดเป็ดไก่ คืออาหาร ต่อเมื่อมันยังไม่ถูกส่งเข้าปากเรา แต่พอคุณกินเข้าไปแล้ว อาหารเหล่านี้จะถูกกระบวนการย่อย เปลี่ยนสภาพของอาหารตั้งแต่อยู่ในปากและเคลื่อนจากปากสู่กระเพาะ จากกระเพาะสู่ลำไส้เล็ก ที่ลำไส้เล็กนี่เองที่อาหารจะเปลี่ยนสภาพจากอาหาร  เป็น Nutrient อย่างสมบูรณ์

          แล้วก็อาหารในฐานะ Nutrient หรือ ?สารอาหาร? นี่แหละ ที่มีหน้าที่บำรุงเลี้ยงร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และเป็นยารักษาโรคด้วย ประโยชน์ของอาหารตรงนี้เองที่ตรงตามที่ ฮิปโปเครติส บิดาของวงการแพทย์กล่าวไว้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วว่า? เจ้ากินอะไรเข้าไป เจ้าก็เป็นอย่างนั้น?

 You are what you eat

          ถ้าเรากินสิ่งที่ดีมีประโยชน์เข้าไป ร่างกายของเราก็ดีตาม ถ้ากินของเน่า (แต่อร่อย) ร่างกายก็เน่า (เจ็บป่วย) ตามไปด้วย เพราะอาหารที่ไม่ดี (ซึ่งชีวจิตแนะนำให้งด) เมื่อเข้าสู่ร่างกายปริมาณมากๆ เกินพอดี ก็จะกลายสภาพเป็น ท็อกซิน – Toxin ในที่สุดทีนี้เมื่อท็อกซินหรือสารพิษสะสมในร่างกายนานๆเข้า ก็จะขัดขวางการทำงานของ ภูมิชีวิต และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนั่นเอง เหมือนอย่างที่คนสมัยนี้ใช้ ?ลิ้น? เป็นเครื่องตัดสินคุณค่าของอาหาร คำนึงถึงแต่ความอร่อยมากเกินไป ลืมนึกถึงคุณประโยชน์หรือโทษจากอาหาร จะพบว่าเราต้องเจ็บป่วยกันด้วยโรคที่เกิดจากการกินอาหารผิดสัดส่วนเพิ่มขึ้นทุกที เห็นชัดๆก็อย่าง เช่น

  • กินแป้ง น้ำตาล มากเกินไป เป็นเบาหวาน
  • กินเค็มเกินไป เป็นโรคไต
  • กินไขมันมากเกินไป เป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือด

คราวนี้คุณพอจะรู้จัก? อาหาร? ที่กินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันได้กระจ่างขึ้นบ้างหรือยังล่ะ

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก :

  • http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/50966.jpg
  • http://www.artgazine.com/shoutouts/userpix/1385_news_img_341059_2_1.jpg
  • http://learners.in.th/file/zipzapjoy/protein.jpg

อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก :

  • http://www.foodsafety.bangkok.go.th/new/read_article.php?cat_id=4&txt_id=123

คำว่า “อาหารชีวจิต”

          การกิน ไม่ใช่กินอย่างไรให้อร่อย แต่เน้นเรื่อง “ กินดี ”  เพื่อต้านโรค เพราะเล็งเห็นว่าคนยุคนี้มีโรคภัยมากมายเกาะกุมรุมเร้าอันมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน…

อาหารชีวจิต
          ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคนี้คุ้นเคยกับอาหารจานด่วนมากกว่าน้ำพริกผักจิ้ม ส่วนเด็กยุคใหม่เรียกได้ว่าโตมาจากนมผงและอาหารจานด่วน แถมดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แก้มกลมแสนน่ารัก แต่อนาคตทำนายได้ยากว่าจะรอดพ้นจากภัย โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งได้แค่ไหน
          สำหรับจุดประสงค์หลักของชีวจิตก็คือ ความสุขสมบูรณ์ทั้งกายและใจ โดยยึดเอาวิธีปฏิบัติและความคิดในแนวธรรมชาติเป็นหลัก ในด้านร่างกายและจิตใจนั้น ชีวจิตถือว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ร่างกายมีผลต่อจิตใจ และจิตใจก็มีผลต่อร่างกายด้วยความสุขสมบูรณ์ (Wholeness as Perfection)
          การปฏิบัติตามชีวจิตจะมุ่งไปในด้านการสร้างสุขภาพกายและใจก่อน โดยการใช้ อาหารสุขภาพ การใช้เครื่องมืออุปโภคที่มาจากธรรมชาติหรือใกล้กับธรรมชาติมากที่สุด ในขณะเดียวกันชีวิตความเป็นอยู่ก็ต้องไปตามธรรมชาติ คือใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย ชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติจะเป็นชีวิตที่มีอายุยืน แข็งแรง มีความสุขสดชื่นตลอดเวลา เมื่อมีการปฏิบัติทางกายแล้วก็ต้องมีการปฏิบัติทางใจด้วย ในด้านจิตใจเป้าหมาย ที่สำคัญที่สุดคือความสงบทางกายซึ่งอาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยจะทำให้เกิดความสงบทางใจ เกิดปัญญา มองเห็นสัจธรรมของโลกและชีวิต จุดสูงสุดของสัจธรรมนี้คือ ความหลุดพ้น ซึ่งแต่ละคนย่อมมีหนทางและแนวทางเป็นของตนเอง

ชีวจิต คืออะไร
          ชีวจิต คือ ร่างกายและจิตใจ เป็นวิถีการดำรงชีวิตและการบริโภคที่เน้นความเป็นธรรมชาติ มีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตแบบแมคโครไบโอติค ซึ่งมีการดัดแปลงให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่แบบไทย ๆ อาหารชีวจิต เป็นการบริโภคพืชผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้สดตามฤดูกาลไม่ผ่านการปรุงแต่งพืชหัวไม่ปอกเปลือก ดื่มน้ำสะอาดและชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้ งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลาและอาหารทะเลบริโภคได้เป็นครั้งคราว งดน้ำตาลฟอกขาว กะทิ นม และไข่ การดำรงชีวิต อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ไม่แออัด มีชีวิตเรียบง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีชีวิตที่ยัดธรรมชาติเป็นหลัก มีการฝึกสมาธิเป็นประจำ โดยภาพรวมแล้ว การปฏิบัติตามแนวชีวจิตจะมุ่งเน้นความมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ และเข้าใกล้ธรรมชาติมากที่สุด
          ชีวจิต เป็นแนวความคิดต่อเรื่องสุขภาพแบบองค์วม(Holistic) คือผนวกรวมเอา “ชีว” ที่หมายถึง “กาย” รวมเข้ากับ “จิต” ที่หมายถึง “ใจ” ให้เป็นสองภาคของชีวิตที่มีผลต่อกันและกันโดย ตรง ไม่อาจแยกกายออกจากจิต และจิตย่อมกระทบถึงกายเช่นเดียวกัน ความหมายและการปฏิบัติตัวตามแนวทางของชีวจิต จึงอาจอธิบายได้ว่า คนเราจะมีความสุขความแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อกายและใจทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Wholeness as Perfection)
          การใช้ชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติ บริสุทธิ์ละเรียบง่าย เป็นแก่นความคิดสำคัญอีกประการหนึ่งของชีวจิต ใช้ชีวิตในที่นี้หมายรวมถึง การบริโภคอาหารสุขภาพที่มาจากธรรมชาติและมีการดัดแปลงน้อยที่สุด รวมถึงการบริโภคผลิตภัณฑ์ใดๆที่มาจากธรรมชาติหรือใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ชีวิตหลุดพ้นจากความยุ่งเหยิงวุ่นวายของสังคมแบบวัตถุนิยมในปัจจุบัน
          อาหารชีวจิตเป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่ ดร.สาทิส อินทรกำแหง ศึกษาและปรับปรุงจากหลักการของแมคโครไบโอติกส์ ให้เหมาะสมกับสภาพวิถีชีวิตของคนไทยและเมืองไทยและให้ง่ายต่อการจัดหา ปรุง และรับประทาน กล่าวโดยรวมๆ อาหารชีวจิต คือ อาหารชั้นเดียว หมายถึง เป็นอาหารที่คงสภาพตามธรรมชาติเดิมไว้มากที่สุด ไม่ต้องผ่านการปรุงแต่งมากมาย และคงรสชาติเดิมๆของอาหารไว้มากที่สุด เช่นว่า ข้าว ก็เพียงแค่กระเทาะเปลือกออกกลายเป็นข้าวกล้อง ไม่ต้องขัดสีจนขาวจั๊วะ
          ทั้งนี้ อาหารชีวจิตไม่เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อหรือบาปบุญคุณโทษ แต่เป็นการนำความรู้ทางโภชนาการขั้นสูงมาพิจารณาอาหารต่างๆ แล้วเลือกสรรเฉพาะอาหารที่ให้คุณค่าแก่ร่างกายและจิตใจมากที่สุด ที่สำคัญเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดสารพิษ “ท็อกซิน – Toxin” ตกค้างน้อยที่สุด
          อาหารที่ชีวจิตแนะนำให้ “งด”

  • เนื้อสัตว์ย่อยยาก ได้แก่ เนื้อ หมู ไก่
  • แป้งขัดขาวและผลิตภัณฑ์จากแป้งขัดขาวทุกชนิด
  • น้ำตาลฟอกขาวและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลฟอกขาวทุกชนิด
  • ไขมันเลว คือไขมันอิ่มตัว ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์ม และกะทิ
  • และแนะนำให้รับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้สมดุลตาม สูตรสัดส่วนอาหารชีวจิต

          อย่างไรก็ตาม อาหารชีวจิตนั้นนอกจากคำนึงถึงคุณประโยชน์แล้ว ยังให้ความสำคัญกับความอร่อย และต้องน่ากินด้วย คือ ถึงแม้รสชาติจะไม่จัดจ้านเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด แต่เราเน้นความกลมกล่อมแบบพอดีๆ
          ถ้าคุณยังนึกภาพเมนูอาหารชีวจิตไม่ได้ ลองดูที่ ครัวชีวจิต หรือตำราอาหารชีวจิต
          ในหมู่ชาวชีวจิตเราพูดกันเสมอว่า การทำอาหารให้อร่อยนั้น ไม่ได้ยากเกินไป เพียงแต่ต้องใช้ฝีมือ ใช้ความรัก และความสนใจของแต่ละคน เรียกว่า “ทำและกินด้วยความรักและนับถือ” ความรักนั้นคือ ความรักอาหาร และรักในการทำอาหาร มีความสนุกและเพลิดเพลินในการทำและกิน ส่วนความนับถือนั้น เราต้องนับถือว่า อาหารนี้แหละคือสิ่งที่ให้ชีวิตแก่เรา และจะกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของเราเอง เราเป็นหนี้บุญคุณของอาหาร

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก :

  • http://www.rakdara.net/Rhealth/pics/20100617664_02.jpg

อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก :

  • http://healthy.moomthai.com/อาหารชีวจิต/detail7-2.html

2. เคล็ดลับในแบบชีวจิต

          ชีวจิต นั้นดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย รวมไปถึงด้านจิตใจ
          ดังนั้นดิฉันจึงนำเคล็ดลับดี ๆ ในทางชีวจิต ที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายและจิตใจมาฝากค่ะ

เคล็ดลับรักษาสิวในแบบชีวจิต

http://www.108health.com/108health/maintopic/mtopic_63.jpg

เกร็ดสุขภาพฉบับนี้เรามี 5 เคล็ดลับดีๆ กับการรักษาสิวด้วยตัวคุณเองในแบบชีวจิต 5 เคล็ดลับสวยใสไร้สิวแบบชีวจิต

1. ปรับอาหารการกินด้วยสูตรชีวจิต ให้ถูกต้องไม่ควร รับประทานแป้งข้าวและของหวานที่ทำจากน้ำตาลทรายขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อกโกแลต รวมทั้งอาหารประเภทมันๆ และของทอดทั้งหลาย ควร หันมารับประทานผักและผลไม้ให้มาก เพราะมีวิตามินซี วิตามินอี เบตาแคโรทีน แร่ธาตุโครเมียม และคลอโรฟิลล์ เพื่อช่วยปรับ สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท อาหารทะเล เป็น ต้น เพื่อช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อของสิว นอกจากนี้ยังทำให้แผลเป็นหายเร็วขึ้น ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อใหม่แทนเซลล์ผิวหนังที่เสียไป

http://www.foodsafety.bangkok.go.th/newweb/picture/news_1240201378_9666.jpg

2. ใช้ดีท็อกซ์ช่วยกำจัดท็อกซิน เพราะการเป็นสิว ย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีเจ้าท็อกซินหรือพิษเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น การทำดีท็อกซ์ ตามหลักชีวจิต เพื่อช่วยขจัดพิษในร่างกาย หลังจากทำดีท็อกซ์เสร็จ ก็เข้าห้องอบไอน้ำหรือ ซาวน่า เพื่อขับพิษออกทางผิวหนังได้อีกทางหนึ่ง

http://beebabies.files.wordpress.com/2009/05/detox_bath.jpg

3. ดื่มน้ำสมุนไพรที่ไม่มีน้ำตาล เช่น ลูกใต้ใบ มะตูม หรืออื่นๆ ตามตำราชีวจิต เพราะน้ำจะเป็นตัวพาของเสียสิ่งสกปรกออกไป และจะได้ประโยชน์จากสมุนไพรแต่ละชนิดอีกด้วย

http://www.momypedia.com/elctfl/rlga/imgstk/img4_52897.jpg

4. ออกกำลังกายจนเหงื่อออก ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี และทำให้ต่อมไขมันเปิดและพาหัวสิวให้ละลายง่าย ไม่เกิดสิว แต่ที่สำคัญ อย่าลืม ล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย

http://www.saunawell.com/img/44270_002.jpg

5. ทำจิตใจให้สงบ มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใส ความผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งทำให้เม็ดเลือดขาวใน ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.konmun.com/Variety/5-id4954.aspx

สูตรสัดส่วนอาหารชีวจิต

1. อาหารประเภทแป้งซึ่งไม่ขัดขาว

เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ถ้าเป็นข้าวโพด จะเป็นข้าวโพดทั้งเมล็ดหรือทั้งฝัก และถ้าเป็นแป้งขนมปัง ก็เป็นขนมปังโฮลวีท และถ้าจะให้เป็นแป้งกลุ่มคอมเพล็กซ์ คาร์โบไฮเดรต คือเป็นแป้งหลายชั้นซึ่งมีโปรตีนปนอยู่ด้วย ก็ควรเติมมันเทศ มันฝรั่ง เผือก ฟักทองลงไป กลุ่มนี้ รับประทาน 50% หรือครึ่งหนึ่งของแต่ละมื้อ

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก :

  • http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/273/45273/images/art_323447.jpg
  • http://www.siya.ac.th/websiya/final5800/final5847/image/New%20Folder/whole_wheat_bread.jpg

2. ผัก

http://www.eiei.net/roaddata/wp-content/uploads/2010/04/food.jpg

ใช้ทั้งผักดิบและผักปรุงสุกอย่างละครึ่ง ผักถ้าปลูกเอง ไม่ใช้สารเคมีจะดีที่สุด แต่ถ้าต้องซื้อจากตลาด ต้องเลือกผักที่ปลอดสาร ล้างผ่านน้ำ และแช่น้ำด่างทับทิมหรือแช่น้ำส้มสายชูเจือจางสัก 1-2 ชั่วโมง ก็จะช่วยล้างสารพิษได้ด้วย รับประทานผักหนึ่งในสี่หรือ 25% ของปริมาณอาหารที่กินในแต่ละมื้อ

3. ถั่วต่างๆ อยู่ในประเภทโปรตีน

http://learners.in.th/file/bankgang/peanut.jpg

เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร  รับประทาน 15% ของแต่ละมื้อ นอกจากนี้ จะใช้โปรตีนจากสัตว์เป็นครั้งคราว คือ ไข่ ปลา และอาหารทะเล สัปดาห์ละ 1-2 มื้อ

4. เบ็ดเตล็ด

นอกจากนี้เราสามารถรับประทานโปรตีนที่ได้จากสัตว์เป็นครั้งคราวได้ คือ ปลาและอาหารทะเล โดยรับประทานสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เนื่องจากโปรตีนที่จำเป็นแก่ร่างกายบางตัวไม่มีในพืชผัก และอาหารเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่สับเปลี่ยนในแต่ละมื้ออีก 10 % เช่น แกงจืด แกงเลียง มิโซะซุป หรือของขบเคี้ยวอย่างเมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน งา และ ผลไม้สดที่ไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอห่าม เป็นต้น

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก :

  • http://www.kruaklaibaan.com/forum/uploads/post-33-1201739167.jpg
  • http://www.never-age.com/photoThumbnail/antiagings/seafood-ab_UzSHNleWed13449.jpg

อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก :

http://www.foodsafety.bangkok.go.th/new/read_article.php?cat_id=4&txt_id=123

ป้องกันริดสีดวงทวาร ด้วยอาหารชีวจิต

เมื่อริดสีดวงทวารออกอาการให้เห็น :

     โรคริดสีดวงทวารหนัก เกิดจากการที่หลอดเลือดดำ ในช่องทวารหนักขอดและโป่งพอง ซึ่งโรคนี้จะมีระดับความรุนแรงต่างๆ กัน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากท้องผูก ซึ่งจะทำให้เยื่อบุช่องทวารหนัก ถูกอุจจาระแข็งๆ ขูดเป็นแผล จนทำให้เลือดไหล และหลอดเลือดดำโผล่ออกมา กลายเป็นโรคริดสีดวงทวารในที่สุด ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ การที่เลือดบริเวณช่องทวารหนักไหลเวียนได้ช้า โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์

อาการโรคริดสีดวงทวาร :

     ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือมีเลือดไหลเป็นหยด โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก หรืออาจมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวงอักเสบหรือหลุดออกมาข้างนอก อาจทำให้รู้สึกปวดรุนแรงจนถึงกับนั่ง ยืนหรือเดินไม่สะดวก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจางได้
โรคริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็นริดสีดวงทวารภายนอกกับริดสีดวงทวารภายใน หากหัวริดสีดวงอยู่ภายในช่องทวารหนัก เรียกว่า โรคริดสีดวงแบบภายใน แต่หากอยู่ต่ำลงมา หรือโผล่ออกมานอกทวาร เรียกว่า โรคริดสีดวงทวารแบบภายนอก ซึ่งหัวริดสีดวงทวารแบบภายนอก มักหดกลับเข้าไปในช่องทวารหนักได้เองในช่วงแรก แต่เมื่อเป็นนานเข้าก็อาจต้องใช้มือช่วยดันกลับเข้าไป และหากเป็นหนักๆ ก็อาจดันกลับเข้าไปไม่ได้เลย

แนวทางการรักษา :

     โรคนี้อาจไม่ต้องรักษาก็ได้ ยกเว้นกรณีที่เป็นโรคริดสีดวงทวารแบบภายนอก หรือแบบที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องทวารหนัก มีการอักเสบและมีเลือดหรือเมือกปนมากับอุจจาระ สำหรับคนอายุน้อยๆ การกินอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น จะช่วยแก้อาการท้องผูก และอาจทำให้หลอดเลือดดำกลับเป็นปรกติได้ ส่วนการใช้ยาขี้ผึ้งและยาเหน็บช่องทวารชนิดต่างๆ จะช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ใช่ยาสำหรับรักษาโดยตรง
หากจำเป็นต้องรักษา วิธีที่ใช้กันมากคือ การฉีดยาเข้าไปในหัวริดสีดวง เพื่อให้เนื้อเยื่อของริดสีดวงแข็งตัวและหดเล็กลง ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้ยางรัดหัวริดสีดวง เพื่อตัดทางเดินเลือด ซึ่งทั้งสองวิธีอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย และมีเลือดออกบ้าง แต่อาการต่างๆ จะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่วัน ส่วนผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารชนิดรุนแรง อาจต้องผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก

ทำอย่างไรท้องจึงไม่ผูก?? :

     วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้ระบบขับถ่ายสามารถขับถ่ายได้เป็นปรกติก็คือ การปรับเปลี่ยนอาหาร โดยเปลี่ยนจากการรับประทานข้าวขาว มาเป็นธัญพืชครบส่วน เช่น ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ รับประทานผักผลไม้สดมากๆ เพื่อให้ได้เส้นใย หรือพืชจำพวกที่มีคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนร่วมกัน อย่างเผือก มันเทศ มันฝรั่ง ฟักทอง หรือกลอย ซึ่งพืชเหล่านี้จะย่อยง่าย มีกากมากและมีน้ำมันหล่อลื่น ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละหนึ่งลิตร

     นอกจากนั้นควรสร้าง สุขนิสัยในการขับถ่าย เมื่อปวดก็อย่าอั้นไว้ ควรถ่ายทันที หากกิจวัตรในการขับถ่ายของเราต่างจากคนอื่น ก็ไม่ต้องกังวล เช่น บางคนก็ถ่ายไม่บ่อย หรือถ่ายวันแล้วเว้นไปสองวัน เพราะแต่ละคนย่อมมีข้อแตกต่างปลีกย่อยมากมายในชีวิต
     หากดูแลตัวเอง ด้วยวิธีง่ายๆ ข้างต้นแล้ว อาการท้องผูกยังไม่ทุเลาลง หรือหากกิจวัตรในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนไป โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาการท้องผูกที่เกิดร่วมกับอาการปวดท้อง น้ำหนักตัวลด หรืออุจจาระมีเลือดปน อาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรง เช่น ลำไส้อักเสบ หรือมีเนื้องอกในลำไส้

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.moomthai.com/images/healty/32.jpg
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://healthy.moomthai.com/อาหารชีวจิต/detail38-2.html

3. แนะนำเมนูอาหาร

     อาหารชีวจิตก็เป็นส่วนนึงที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี ช่วยต้านทาน และยังป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งก็สามารถลงมือทำด้วยตนเองได้เลย
     ดิฉันจึงนำเมนูอาหารต่าง ๆ รวมไปถึงวิธีการทำ และประโยชน์ของอาหารต่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ

ซูชิดอกไม้

เครื่องปรุง :

– แผ่นก๋วยเตี๋ยว ที่ยังไม่ตัดทำเส้นใหญ่ หาซื้อได้ในตลาดสดทุกแห่ง
– หมูยอหรือไก่ยอ เต้าหู้แผ่น ตัดเป็นเส้นยาวๆ
– แครอท แตงกวา ฝานเป็นเส้นยาวเช่นกัน
– ดอกไม้สด เช่น ดอกอัญชัน ดอกขจร ดอกโสน ดอกเข็ม ดอกคูน เป็นต้น
– ผักหอม เช่น ต้นหอม ผักชี คื่นฉ่าย ผักชีฝรั่ง
– เห็ดเข็มทอง
– น้ำจิ้ม เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบ๊วย ซอสพริก ตามสะดวก

วิธีทำ :

– เตรียมจานเปลแบน หรือเขียง สำหรับวางแผ่นก๋วยเตี๋ยว
– จัดเรียงผักหอม หมูยอเส้น เต้าหู้เส้น เห็ดเข็มทอง แครอทและแตงกวาเส้น
– โรยกลีบดอกไม้และดอกไม้ต่างๆ
– จับปลายแผ่นก๋วยเตี๋ยวตลบห่อไส้ แล้วค่อยๆม้วน ม้วนให้แน่น
– พอถึงระยะกลางแผ่น เติมกลีบดอกไม้ประปรายบนแผ่นก๋วยเตี๋ยว
– ตัดก๋วยเตี๋ยวห่อไส้เป็นคำสั้นๆ พอดีเคี้ยว ยกตั้ง ใส่จาน จะดูสวยงาม

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.108health.com/108health/cimages/b003.jpg

อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=149&hMode=Menu

เทคแคร์ สลัด

เครื่องปรุงและวิธีทำเทคแคสลัด :

– ดอกแคสดที่แรกแย้ม หรือ บานแล้วก็ได้ เด็ดกลีบออกจากขั้วดอก ใช้ยำได้ทั้งดอก
– น้ำจิ้มไก่ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมกัน
– ต้นคึ่นฉ่าย ต้นหอม ผักชี หั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว
– มะเขือเทศ และ หอมใหญ่ ฝานบาง
– ปลาหมึกปิ้งกรอบ
– หอมเจียว กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกขี้หนูบุบพอแหลก
– เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ บุบพอแหลก 1 ช้อนโต๊ะ
– เคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดพร้อมๆกัน เก็บของเจียวไว้นิดหน่อย
– แต่งหน้าด้วยหมึกแผ่นกรอบหักเป็นชิ้นพอคำ และโรยด้วยของเจียวกับเม็ดมะม่วง

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.108health.com/108health/cimages/b008.jpg
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=143&hMode=Menu

กะหรี่ปั๊บโฮลวีทไส้กุ้ง

ส่วนผสมแป้ง :

– แป้งสาลี 750 กรัม
– แป้งสาลีโฮลวีท 250 กรัม
– เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
– น้ำเปล่า 1 ถ้วยครึ่ง
– น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย

ส่วนผสมไส้ :

– เนื้อกุ้งหั่นเป็นชิ้น 2 ถ้วย
– มันเทศ หั่นต้มสุก 2 ถ้วย
– หอมใหญ่หั่น 2 ถ้วย
– สามเกลอ (กระเทียม พริกไทย รากผักชี) 2 ช้อนโต๊ะ
– ผงกะหรี่ 2 ช้อนชา
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
– น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา

วิธีทำไส้ :

เจียวสามเกลอในน้ำมันจนหอม แล้วใส่เนื้อกุ้งลงไปผัด
ตามด้วยหอมใหญ่ มันเทศ และผงกะหรี่ ผัดจนนุ่ม แล้วปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และน้ำตาลทรายแดง ผัดให้เข้ากันจนสุก พักไว้

วิธีผสมแป้ง:

ผสมแป้งในน้ำเกลือ (แป้งชั้นนอก) นวดจนเป็นก้อน พักไว้
ผสมแป้งในน้ำมัน (แป้งชั้นใน) นวดจนเป็นก้อน พักไว้
แผ่ก้อนแป้งที่ผสมน้ำเกลือออก จากนั้นแผ่ก้อนแป้งที่ผสมฝนน้ำมันทับลงไปให้เป็นเนื้อเดียวกัน ม้วนหุ้มให้มิด แล้วค่อยๆคลึงให้เป็นท่อนยาว
หั่นตามขวางให้เป็นก้อนกลม นำแป้งที่หั่นวางตามหน้าตัด
ค่อยๆคลึงเป็นแผ่นกลม ตรงกลางนูนออก (คล้ายถ้วย)
ตักไส้ใส่ แล้วขลิบขอบ
ทอดไฟปานกลาง จนเหลืองกรอบ

Tips :

มันเทศ อุดมไปด้วยโปแตสเซียม วิตามินซี และแคลเซียม นอกจากนี้มันเทศยังมีเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี และยังช่วยป้องกันผิวที่อาจเกิดจากอันตรายของ รังสีอัลตราไวโอเลต ที่มากับแสงแดดได้ จึงทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอย หรือแก่ก่อนวัย

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.cheewajit.com/images/magazine/173/173kitchen1.jpg
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=563

ลูกชิ้นแครอท

เครื่องปรุง :

– แผ่นก๋วยเตี๋ยว ที่ยังไม่ตัดทำเส้นใหญ่ หาซื้อได้ในตลาดสดทุกแห่ง
– หมูยอหรือไก่ยอ เต้าหู้แผ่น ตัดเป็นเส้นยาวๆ
– แครอท แตงกวา ฝานเป็นเส้นยาวเช่นกัน
– ดอกไม้สด เช่น ดอกอัญชัน ดอกขจร ดอกโสน ดอกเข็ม ดอกคูน เป็นต้น
– ผักหอม เช่น ต้นหอม ผักชี คื่นฉ่าย ผักชีฝรั่ง
– เห็ดเข็มทอง
– น้ำจิ้ม เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบ๊วย ซอสพริก ตามสะดวก

วิธีทำ :

– เตรียมจานเปลแบน หรือเขียง สำหรับวางแผ่นก๋วยเตี๋ยว
– จัดเรียงผักหอม หมูยอเส้น เต้าหู้เส้น เห็ดเข็มทอง แครอทและแตงกวาเส้น
– โรยกลีบดอกไม้และดอกไม้ต่างๆ
– จับปลายแผ่นก๋วยเตี๋ยวตลบห่อไส้ แล้วค่อยๆม้วน ม้วนให้แน่น
– พอถึงระยะกลางแผ่น เติมกลีบดอกไม้ประปรายบนแผ่นก๋วยเตี๋ยว
– ตัดก๋วยเตี๋ยวห่อไส้เป็นคำสั้นๆ พอดีเคี้ยว ยกตั้ง ใส่จาน จะดูสวยงาม

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://3.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPYQgv38KI/AAAAAAAAAYc/zJsUr5b9KJc/s320/lc.jpg
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=482

ข่ากุ้งซ่อนกลิ่น

เครื่องปรุง :

– ดอกซ่อนกลิ่น เลือกดอกบานเฉพาะติดก้านดอก และยอดช่ออ่อน รสจะหวาน
– กุ้งสด สองขีด ปอกเปลือก ผ่าตลอดหลัง
– กะทิ ถ้วยครึ่ง
– หอมแดง 3-4 หัว ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่ง ซอยบางๆ
– เห็ดสด พริกหวาน พริกชี้ฟ้า พริกหยวก
– น้ำปลาครึ่งถ้วย มะนาว 2 ผล น้ำตาลนิดหน่อย

วิธีทำ:

– ต้มกะทิ 1 ถ้วย กับหอมแดง ข่า ตะไคร้ จนน้ำกะทิหอม
– หั่นพริกทั้งหลายเป็นแว่นและชิ้นเล็กๆ เติมลงในน้ำแกง
– เติมเห็ดสด กุ้งสด รอให้กุ้งเกือบสุก เติมน้ำกะทิที่เหลือ ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และน้ำตาล
– ใส่ดอกซ่อนกลิ่น รอให้ดอกสลด ตักใสชาม โรยใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่งซอย

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.108health.com/108health/cimages/b002.jpg
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=147&hMode=Menu

ผัดกะเพราฟองเต้าหู้

ส่วนผสม :

– แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
– ฟองเต้าหู้แช่พอนุ่มหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
– เห็ดหอมสด 2 ขีด
– ใบกะเพรา  3  ต้น
– พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
– กระเทียม  5 กลีบ
– รากผักชี  2 ราก
– พริกชี้ฟ้า 3 สี 6  เม็ด
– ซีอิ๊วขาว  2 ช้อนโต๊ะ
– ซีอิ๊วดำ  1 ช้อนชา
– น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว 1 ช้อนชา
– น้ำมันพืช  2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำแช่เห็ดหอม 1/3 ถ้วย

วิธีทำ :

– โขลกกระเทียม พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ และรากผักชีรวมกันพอหยาบๆ
– นำลงผัดกับน้ำมันพอหอม
– ใส่เห็ดหอมสด แครอท และฟองเต้าหู้ เติมน้ำแช่เห็ดหอมลงไป เคี่ยวจนน้ำซึมเข้าไปในฟองเต้าหู้
– ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว และซีอิ๊วดำพอให้ออกสีสวยน่ากิน
– ใส่พริกชี้ฟ้า 3 สี ลงไปผัดคลุกเคล้า แล้วตามด้วยใบกะเพรา ปิดไฟ

Tips :

     สูตรนี้ใช้รากผักชีโขลกรวมกับพริกขี้หนูเม็ดใหญ่ด้วย ช่วยชูกลิ่นให้หอมหวน น่ากินยิ่งขึ้น ล้างเห็ดหอมให้สะอาดแล้วนำลงแช่น้ำสักครู่ น้ำแช่เห็ดหอมอย่าทิ้ง เก็บไว้ใช้เติมขณะผัด จะช่วยให้รสชาติซึมเข้าฟองเต้าหู้และเห็ดหอมได้ดียิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากใช้เห็ดหอม จะใส่เห็ดฟาง หรือเห็ดเป๋าฮื้อแทนก็ได้

อ้างอิงที่มาของรูปภาพจาก : http://www.yourhealthyguide.com/Menu/images_menu/tofu-basil.gif
อ้างอิงที่มาของเนื้อหาจาก : http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=613

แหล่งอ้างอิง

ต้องขอขอบคุณ เว็บไซต์ต่าง ๆ สำหรับแหล่งข้อมูล ความรู้ ไว้ ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ

  • อ้างอิงเนื้อหาทั้งหมดจาก
    • http://healthy.moomthai.com/อาหารชีวจิต/detail7-2.html
    • http://www.foodsafety.bangkok.go.th/new/read_article.php?cat_id=4&txt_id=123
    • http://www.foodsafety.bangkok.go.th/new/read_article.php?cat_id=4&txt_id=123
    • http://www.konmun.com/Variety/5-id4954.aspx
    • http://healthy.moomthai.com/อาหารชีวจิต/detail38-2.html
    • http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=565
    • http://board.palungjit.com/f77/สูตรอาหารชีวจิตค่ะ-น่าหม่ำๆ-ยำหัวปลี-กะหรี่ปั๊บโฮลวีทไส้กุ้ง-น้ำพริกกุ้งย่าง-25427.html
    • http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=563
    • http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=562
    • http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList
    • http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=147&hMode=Menu
    • http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=149&hMode=Menu
    • http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=148&hMode=Menu
    • http://www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwFlowerMenuList?hidPage_id=1&hID=143&hMode=Menu
    • http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=613
    • http://www.waiza.com/forum/index.php?topic=17506.0
    • http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3&articleId=482
    • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=luckystar&month=11-2008&date=24&group=19&gblog=201
    • http://star-zonefood.blogspot.com/2008/12/blog-post_2528.html
    • http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=luckystar&month=11-2008&date=19&group=19&gblog=195
  • อ้างอิงรูปภาพทั้งหมดจาก
    • http://www.rakdara.net/Rhealth/pics/20100617664_02.jpg
    • http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/50966.jpg
    • http://www.artgazine.com/shoutouts/userpix/1385_news_img_341059_2_1.jpg
    • http://learners.in.th/file/zipzapjoy/protein.jpg
    • http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/273/45273/images/art_323447.jpg
    • http://www.siya.ac.th/websiya/final5800/final5847/image/New%20Folder/whole_wheat_bread.jpg
    • http://www.eiei.net/roaddata/wp-content/uploads/2010/04/food.jpg
    • http://learners.in.th/file/bankgang/peanut.jpg
    • http://www.kruaklaibaan.com/forum/uploads/post-33-1201739167.jpg
    • http://www.never-age.com/photoThumbnail/antiagings/seafood-ab_UzSHNleWed13449.jpg
    • http://www.108health.com/108health/maintopic/mtopic_63.jpg
    • http://www.foodsafety.bangkok.go.th/newweb/picture/news_1240201378_9666.jpg
    • http://beebabies.files.wordpress.com/2009/05/detox_bath.jpg
    • http://www.momypedia.com/elctfl/rlga/imgstk/img4_52897.jpg
    • http://www.saunawell.com/img/44270_002.jpg
    • https://awvkga.bay.livefilestore.com/y1mzfJNHnWdH8GclB3vCIvFhUDnUST-sEV5EASDW_vs9Nsta6-K4sLlcM8aM1RaPP1U5dajyKflxyj7ULYgau_zwHaq5bx71MXzc8QuaDWbf7dDPkS9yi4akBLN7dmmlLfUN9ytaiqZ-CA/F2F4C_meditation_thumb.jpg
    • http://www.moomthai.com/images/healty/32.jpg
    • http://www.cheewajit.com/images/magazine/175/175kitchen1.jpg
    • http://www.cheewajit.com/images/magazine/174/174kitchen1.jpg
    • http://www.cheewajit.com/images/magazine/173/173kitchen1.jpg
    • http://www.cheewajit.com/images/magazine/172/172kitchen3.jpg
    • http://www.108health.com/108health/cimages/b001.jpg
    • http://www.108health.com/108health/cimages/b002.jpg
    • http://www.108health.com/108health/cimages/b003.jpg
    • http://www.108health.com/108health/cimages/b004.jpg
    • http://www.108health.com/108health/cimages/b008.jpg
    • http://www.yourhealthyguide.com/Menu/images_menu/tofu-basil.gif
    • http://2.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPMiz7x6-I/AAAAAAAAAW0/7MCABKv-qXY/s320/p39ข้าวต้มสมุนไพร.jpg
    • http://3.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPYQgv38KI/AAAAAAAAAYc/zJsUr5b9KJc/s320/lc.jpg
    • http://1.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPMGK0fD-I/AAAAAAAAAWs/Sp3VF6iNXkc/s320/herb_fishpic01ปลาต้มสมุนไพร.jpg
    • http://3.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPLsD8N8LI/AAAAAAAAAWk/dvFnUwKi_Tw/s320/yukirat.jpg
    • http://1.bp.blogspot.com/_MMXQqxFPZ2o/SgPHNzJwkSI/AAAAAAAAAWM/IXB3PgmHxOM/s320/prw17.jpg
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line17/reply-00000028372.gif
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line17/reply-00000028364.gif
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line19/0425line1_5.gif
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line16/119985.gif
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line17/reply-00000028354.gifhttp://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line19/y012.gif
    • http://www.whenifallinlove.net/diary/images_line/line19/y013.gif

คณะผู้จัดทำ

ผู้เยี่ยมชมท่านใดที่ได้ติดตาม ได้รับชม ศึกษาเนื้อหา ความรู้ต่าง ๆ ภายในสื่อการเรียนรู้นี้แล้ว
หากพบข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นประการใด ๆ ก็ตาม หรือจะเป็นคำแนะนำ ข้อสงสัยต่างๆ
โปรดติดต่อได้ทาง  E-Mail   :      
จะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  
เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไข ปรับปรุง ให้เหมาะสมในภายหน้าต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^;


แบบฝึกหัด

 

หลังจากที่ท่านได้เยี่ยมชม ได้ศึกษาสื่อการเรียนรู้เรื่อง อาหารชีวจิตแล้ว ท่านสามารถมาลองทำแบบฝึกหัดได้ค่ะ

1. หากเรารับประทานอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล มากเกินไปจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคใด
โรคไต
โรคเบาหวาน
โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
โรคมะเร็ง



2. ชีวจิต หมายถึงส่วนใดของตัวเรา
ร่างกาย
จิตใจ
ร่างกายและจิตใจ
สมอง
 


3. อาหารประเภทแป้งซึ่งไม่ขัดขาว เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ควรรับประทานกี่ % ต่อมื้อ
20%
30%
40%
50%


4. อาหารประเภทผัก ควรรับประทานกี่ % ต่อมื้อ
25%
35%
45%
55%


5. อาหารประเภทถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ควรรับประทานกี่ % ต่อมื้อ
5%
10%
15%
20%


6. ปลาและอาหารทะเล ควรรับประทานกี่ครั้งต่อสัปดาห์
1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
2-4 ครั้งต่อสัปดาห์

3-6 ครั้งต่อสัปดาห์
รับประทานทุกวัน