คุณค่าทางอาหาร

ย่านาง เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นอาหารและเป็นยามาแต่โบราณ ย่านางมีชื่อทางยาในภาคอีสานว่า "หมื่นปี บ่ เฒ่า" แปลเป็นภาษาภาคกลางว่า "หมื่นปีไม่แก่"
ใบย่านาง เก็บบริโภคได้ตลอดปี ยอดอ่อนแตกใบมากในฤดูฝน ยอดอ่อนของเถาย่านางใช้กินแกล้มแนมกับอาหารเผ็ด ชาวไทยอีสานและชาวลาวใช้ใบย่านางคั้นเอาน้ำปรุงอาหารต่างๆ ทำให้น้ำซุปข้นขึ้น เช่น แกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ ย่านางสามารถลดฤทธิ์กรดยูริกในหน่อไม้ได้ ลดความขมของหน่อไม้ และเพิ่มคลอโรฟิลล์และบีตาแคโรทีนให้กับอาหารดังกล่าว
นอกจากนี้ยังใส่น้ำคั้นใบย่านางในแกงเห็ด ต้มเปรอะ แกงขี้เหล็ก แกงขนุน แกงผักอีลอก แกงยอดหวาย แกงอีลอก นำไปอ่อมและหมก
ข้อควรระวังคือ ต้องทำให้สุก หรือขยี้ใบย่านางสดกับหมาน้อย กินถอนพิษร้อนต่างๆ ชาวกัมพูชาใส่ใบย่านางในแกงต่างๆ
ชาวใต้ใช้ยอด ใบเพสลาด (หมายถึงใบที่ไม่อ่อน ไม่แก่เกินไป) นำไปแกงเลียง แกงหวาน แกงขี้เหล็ก น้ำคั้นจากใบช่วยลดความขมของใบขี้เหล็กได้ นอกจากนี้ยังนำไปผัด แกงกะทิ และหั่นซอยกินกับข้าวยำได้อีก ผลสุกใช้กินเล่น ส่วนชาวเหนือใช้ยอดย่านางอ่อนนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใบแก่คั้นน้ำนำมาใส่แกงพื้นเมือง เช่น แกงหน่อไม้ แกงแค
ประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ น้ำสีเขียวจากใบย่านางใช้ย้อมผ้าได้ ใบใช้เป็นอาหารสัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย ส่วนเถามีความเหนียวใช้มัดสัมภาระได้
น้ำตาลไซโลสเป็นองค์ประกอบหลักของสารเหนียวจากน้ำตาลโพลีแซ็กคาไรด์ของใบย่านาง สกัดได้ด้วยน้ำอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียสที่ต้มเป็นเวลานาน สารเหนียวที่ได้มีคุณสมบัติคล้ายไซแลนที่ได้จากสาหร่ายทะเล น้ำตาลโพลีแซ็กคาไรด์นี้เองที่เป็นตัวเพิ่มความหนืดให้แก่อาหารที่ใส่ใบย่านางต้ม
แกงหน่อไม้ใบย่านาง
ที่มารูปภาพ : https://jirarat122blog.files.wordpress.com/2013/03/01028s_.jpg?w=300&h=222
ที่มาของข้อมูล :
ที่มาของภาพที่จัดทำแบรนเนอร์ : http://www.banhealthy.com/wp-content/uploads/2015/07/3.1-600x330.jpg
http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2012/05/J12064569/J12064569-2.jpg
http://www.phargarden.com/images/thumbnail/1296985983.jpg
จัดทำโดย นางสาวปาจรีย์ ถาวรเกษม โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร