จุดนัดพบ.....พบกันที่นี่.....ศิษย์ของ ครู พวงทิพย์.....โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กทม.

สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน
ครูหวังว่านักเรียนจะแสวงหาความรู้อย่างสนุกสนานและกระตือรือร้นโดยสม่ำเสมอ เพราะการแสวงหาความรู้ใหม่ๆเป็นเรื่องดีนะ........อย่าเครียด.....ค่อยๆเรียนรู้ไป ......เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตนะคะ.....
นักเรียนที่ครูรับผิดชอบในปีการศึกษา 2552 ได้แก่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3/8), ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (ม.5/6-5/8), แถมระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (ม.4/6-4/8) ซึ่งเทอมต้น ปีการศึกษา 2552 นี้อาจเรียนกับครูระยะหนึ่ง.......และเฉพาะบางคาบเท่านั้น...........ตามความขาดแคลนบุคลากร
การสืบค้นข้อมูลเพื่อส่งครูควรให้ความสำคัญของแหล่งที่มา ดังนั้นครูขอให้นักเรียนศึกษาวิธีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างการค้นคว้ารูปภาพ และนำเสนอพร้อมการอ้างอิง ...........
ที่มารูปภาพ http://www.bloggang.com/data/link-conner55/picture/1199512520.jpg
ที่มารูปภาพ http://learners.in.th/file/glasses/42150.jpg
ม.3 ห้อง 8 ทักทาย งานชิ้นที่1ที่นี่ งานชิ้นที่2ที่นี่
ม. 5 ห้อง 6-8 ค้นหาเป้าหมายที่นี่ การเขียนบทคัดย่อโครงงาน ดูงานชิ้นที่1
ม. 4 ห้อง 6-8 ทักทาย โครงสร้างฟิสิกส์พื้นฐาน
ทบทวนบทเรียนบางเรื่องเขียนโดย ครู พวงทิพย์ วีระณรงค์ ได้...นะคะ...เรื่องโพรเจกไทล์(Projectile), เรื่องประจุไฟฟ้า
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
การตั้งครรภ์แฝดเกิดจาก
การตั้งครรภ์แฝดสามารถเกิดได้ทั้งตามธรรมชาติ และเกิดจากเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ แฝดมี 2 ชนิดคือ
- แฝดเหมือน เกิดจากไข่ 1 ใบได้รับการผสมตามกระบวนการธรรมชาติ แล้วแบ่งตัวออกเป็น 2 จึงมีหน้าตาเหมือนกัน เปอร์เซ็นต์การเกิดแฝดชนิดนี้คือ 1 : 250
- แฝดไม่เหมือน เกิดจากไข่ 2 ใบ (หรืออาจมากกว่า) อาจเกิดจากการผสมทั้งตามธรรมชาติและจากการผสมเทียม เปอร์เซ็นต์การเกิดไม่แน่นอน ขึ้นกับหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน และใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์นั่นเองที่ทำให้พบภาวะนี้ได้บ่อยมากขึ้นกว่าเดิม
รู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์แฝด
ในช่วงแรกนั้นอาการอาจไม่แตกต่างจากครรภ์ปกติ แต่คุณแม่บางคนมีอาการแพ้ท้องมากกว่าปกติ อาจเป็นเพราะฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นและที่ชวนให้สงสัยมากขึ้นคือขนาดของมดลูกโตกว่าที่ควรจะเป็น เช่น อายุครรภ์จริง 3 เดือน แต่มดลูกโตเท่าอายุครรภ์ 4 เดือน เป็นต้น
เราสามารถรถวินิจฉัยครรภ์แฝดได้อย่างแน่นอนโดยการตรวจอัลตราซาวด์ ทั้งจำนวนของทารกในครรภ์ และผลของความสมบูรณ์และการเจริญเติบโตของเด็ก
ท้องแฝดต้องดูแลตัวเองอย่างไร
- สิ่งแรกที่ควรทำคือไปฝากครรภ์ ซึ่งคุณหมอจะนัดตรวจบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมีมากกว่า และเพื่อตรวจดูการเจริญเติบโตของเด็กว่าเป็นอย่างไร
- เรื่องของอาหารการกิน คุณแม่ครรภ์แฝดต้องเพิ่มปริมาณการรับประทานอาหารมากกว่าแม่ตั้งครรภ์ปกติ อาหารที่ให้พลังงานต้องเพิ่มจากปกติอย่างน้อย 200-300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ควรเป็นอาหารพวกเนื้อสัตว์ ส่วนจำพวกแป้งและน้ำตาลคุณหมอไม่แนะนำมาก เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาอ้วนได้
- เรื่องของยาบำรุงต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็กและโฟลิก โดยทั่วไปตอนฝากครรภ์คุณหมอจะต้องให้เสริมอยู่แล้ว ยิ่งครรภ์แฝดก็ต้องเพิ่มขนาดตามไปด้วย เช่น ยาธาตุเหล็กแทนที่จะรับประทานวันละเม็ด ก็อาจจะต้องรับประทานวันละ 2-3 เม็ด
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
การตั้งครรภ์แฝดมีโอกาสผิดปกติได้ เช่น
• ปัญหาเรื่องซีด ซึ่งจำเป็นต้องได้ธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น
• ความดันโลหิตสูง
• เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด
• การตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกเกิดการยืดขยายมากและหดรัดตัวไม่ค่อยดีหลังคลอด จึงมีโอกาสที่จะตกเลือดหลังคลอดได้
• TT TS (Twin to Twin Transfusion Syndrome) คือมีเลือดวิ่งถ่ายเทระหว่างเด็กในครรภ์ด้วยกัน โดยคนหนึ่งให้อีกคนรับ เป็นภาวะที่เส้นเลือดมาต่อกันโดยบังเอิญ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือคนที่ให้ก็ไม่โตสักทีตัวเล็ก คนรับก็อ้วนท้วนสมบูรณ์
แหล่งข้อมุล http://blog.hunsa.com/far139/blog/14573
แหล่งรูปภาพ http://blog.hunsa.com/far139/blog/14573
อ้าว
.....ส่งงานผิดที่ซะอย่างงั้น
ชื่อโครงงาน โครงงาน “สีผมสวยด้วยผงใบกาว”
ผู้จัดทำ นางสาวณัฐชา เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
นางสาวอุษณีย์ ลายรัตน์
นางสาวแก้วเพชร กองแก้ว
นางสาวปรีดาภรณ์ เกตุสมพงษ์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8
คุณครูที่ปรึกษา คุณครูกุลรณี อารีมิตร
ที่มาและเหตุผล
เนื่องจากในปัจจุบัน พืชสมุนไพรต่างๆได้ถูกนำมาประโยชน์ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค เช่น การดื่มเพื่อสุขภาพ หรือรักษาโรค หรือแม้แต่กระทั่งนำมากำจัดยุง เป็นต้น ดังนั้น พวกเราจึงได้คิดที่จะนำพืชที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อม มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านอื่นๆบ้าง นั่นก็คือ การนำมาย้อมสีผม ซึ่งพวกเราเลือกใช้ใบกาว ในการทดลอง เนื่องจากพวกเราได้ช่วยกันศึกษามาแล้วน่าจะสามารถนำมาย้อมสีผมได้ โดยเราทดลองด้วยกัน 2 วิธีคือใช้ทั้งสารสกัดใบกาวสดและผงของใบกาว ซึ่งอาจจะมีผลที่แตกต่างกันต่อผมที่นำมาย้อม
ทั้งนี้เหตุผลที่พวกเราเลือกที่จะนำใบกาวมาใช้ในการย้อมสีผมก๊เพราะว่าใบกาวเป็นพืช ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียหรือเกิดผลเสียต่อเส้นผมน้อยกว่าสีย้อมผมปกติธรรมดาตามท้องตลาดทั่วไป แต่ยังคงมีด้วยประสิทธิภาพที่ดี.
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสีผมของผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ตามอัตราส่วน
ที่เหมาะสม
2. เพื่อนำพืชในท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
สมมุติฐาน
ผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์จะมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสีผมได้เหมือนกับสารสกัดใบกาวสดและสามารถนำมาใช้แทนกันได้
วิธีการดำเนินงาน
1) ประชุม วางแผนคิดโครงงานที่สนใจและต้องการจะทำ
2) แบ่งกันไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน ความรู้เพิ่มเติม แล้วนำมาปรึกษากัน
3) เริ่มเขียนเค้าโครงงาน
4) เริ่มวางแผนการทำงาน
- ปรึกษาผู้ที่มีความรู้
- หาวัสดุอุปกรณ์ เพื่อนำมาใช้ในการทดลอง
5) เริ่มปฏิบัติงาน
- ทำการทดลอง
วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงาน
การทดลองที่ 1
1. ตัวอย่างเส้นผมที่นำมาทดลอง
2. สารสกัดใบกาวสด ตามอัตราส่วนที่เลือกไว้
3. น้ำเปล่า
การทดลองที่ 2
1. ผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ มวลตามอัตราส่วนที่เลือกไว้
2. น้ำสะอาด ปริมาตรตามอัตราส่วนเหมาะสมที่เลือกไว้
3. ตัวอย่างเส้นผมที่นำมาทำการทดลอง
วิธีการทดลอง
การทดลองที่ 1
มวลของใบกาว : ปริมาตรของน้ำสะอาด 100 กรัม : 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร
1. นำใบกาวสดมวล 100 กรัม มาปั่นให้ละเอียด
2. นำใบกาวที่ได้จากข้อ 1 ใส่ลงในกะละมังใบเล็ก
3. เติมน้ำสะอาด ปริมาณ 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงในกะละมังที่มีใบกาวปั่น
ละเอียด
4. คั้นใบกาวในกะละมังใบเล็กจนกระทั่งใบมีสีซีด
5. กรองเอาสารที่ได้จากข้อ 4 โดยใช้ผ้าขาวบางและใช้ตะแกรงกรอง
6. ได้สารที่สกัดมาจากการสกัดใบกาว
7. นำสารสกัดใบกาวสดลงในหลอดทดลองเพื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วนอื่น
8. นำสารสกัดจากใบกาวสด ตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้มาชโลมเส้นผมที่นำมา
ทดลอง
9. หมักตัวอย่างผสมกับสารสกัดใบกาวสดโดยหมักไว้นาน 30 นาที
10. ครบ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
11. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีผม
การทดลองที่ 2
1. นำผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ใส่ลงในบีกเกอร์ แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปในบีกเกอร์มวล
ของผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ต่อปริมาตรของน้ำสะอาด เป็นไปตามอัตราส่วนที่เลือกไว้
2. นำเอาส่วนผสมของข้อที่ 1 มาชโลมตัวอย่างเส้นผมที่นำมาทดลอง
3. หมักตัวอย่างผมกับผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ไว้นาน 30 นาที
4. ครบ 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
5. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีผม
ขอบเขตการศึกษา
ตัวแปรต้น สารสกัดใบกาวสด , ผงใบกาว
ตัวแปรตาม สีของผม
ตัวแปรควบคุม อัตราส้วนของน้ำ , ระยะเวลาในการหมักผม
สถานที่ดำเนินการ : โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย,บ้านผู้จัดทำ
ระยะเวลาในการดำเนินงาน : 2 เดือน (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน)
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้อัตราส่วนที่เหมาะสมของผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์ต่อน้ำสะอาดใน
การเปลี่ยนสีผม
2. ได้ทราบถึงประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสีผมของผงสกัดใบกาวบริสุทธิ์
3. ได้นำพืชในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพ
อ้างอิง http://www.tet2.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=560691&Ntype=3
นักเรียนส่งงานผิดที่นะคะ............
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องผลไม้ดำๆ ทำประโยชน์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่บุคคลทั่วไปที่จะสามารถนำวิธีการทำน้ำยาขัดรองเท้าจากเปลือกผลไม้ชนิดต่างๆมาประยุกต์ใช้จัดการในชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเองและยังเป็นการประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่ายอีกด้วย การดำเนินการใช้หลักการทั่วไปของโครงงานวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย การวางแผน การจัดเก็บข้อมูล การดำเนินการ ลงมือปฏิบัติ การวิเคราะห์ผล และการสรุปผล
จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า การทำน้ำยาขัดรองเท้าจากเปลือกผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์ที่บุคคลสามารถนำไปผลิตเพื่อใช้ภายในครัวเรือนได้ เนื่องจากช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมี และลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วย ตัวอย่างเช่น การลดปริมาณขยะมาใช้ในกระบวนการผลิต ผลจากการศึกษาได้นำมาพัฒนากระบวนการทำน้ำยาขัดรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมไทย และทางคณะผู้จัดทำก็ได้จัดเสนอผลงานในการทำโครงงานเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ
นักเรียนส่งงานผิดที่นะคะ