เรื่อง…กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
สร้างโดย : วรชา
สร้างเมื่อ ศุกร์, 09/03/2012 – 12:22
มีผู้อ่าน 339,481 ครั้ง (23/11/2022)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/131420
บทที่ ๕ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
ผู้แต่ง
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เจ้าฟ้ากุ้ง ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ ๑ ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อพระราชบิดาขึ้นครองราชย์ได้สถาปนาตั้งเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงมีพระนิสัยสืบมาจากบรรพชนหลายประการ คือมีพระนิสัยเป็นกวีอย่างสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงดุดันเหมือนสมเด็จพระเจ้าเสือ เพราะครั้งหนึ่งเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงใช้พระแสงดาบไล่ฟันกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ ซึ่งดำรงเพศเป็นภิกษุจึงต้องหนีไปผนวชอยู่เป็นเวลา ๒ ปี ณ วัดโคกแสง เพื่อให้พ้นพระราชอาญาและได้ทรงนิพนธ์หนังสือเกี่ยวกับศาสนา ๒ เรื่อง คือ นันโทปนันทสูตรคำหลวง กับพระมาลัยคำหลวง เจ้าฟ้ากุ้งได้ลาสมณเพศเมื่อ พ.ศ.๒๒๘๔ พระบิดาคงจะประทานอภัยหายกริ้วแล้ว จึงโปรดให้ดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช ในระหว่างนี้คงจะได้นิพนธ์เรื่องทำนองพิศวาสที่ทำให้พระองค์ได้ชื่อเสียงว่าเป็นกวีเอกผู้หนึ่ง คือ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาทและดีที่สุด คือ กาพย์เห่เรือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. ๒๒๙๘ เพราะทรงเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลซึ่งเป็นพระสนมในพระราชบิดาเป็นเหตุให้ต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ งานนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรที่รู้จักแพร่หลาย คือ นันทโปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง กาพย์เห่เรือ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาทและเพลงยาว
ลักษณะคำประพันธ์
กาพย์ห่อโคลง คำ ประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลง มีลักษณะทางฉันทลักษณ์ดังนี้ ขึ้นต้นด้วยกาพย์ยานี ๑ บท แล้วตามด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บทใจความเหมือนกัน กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง นั้นมีกาพย์ยานีและโคลงสี่สุภาพรวม ๑๐๘ คู่ และโคลงปิดท้ายมี ๒ บท
จุดประสงค์ในการแต่ง
เป็นบทชมธรรมชาติ เพื่อความเพลิดเพลินในการเดินทาง เพื่อพรรณนากระบวนเสด็จทางสถลมารคจากท่าเจ้าสนุกถึงธารทองแดง และพรรณนาธรรมชาติบริเวณธารทองแดง
ที่มาของเรื่อง
หนังสือปริทรรศน์ วรรณคดีไทยของนายตำรา ณ เมืองใต้ ธารทองแดงเป็นชื่อธารน้ำที่อยู่ในบริเวณพระพุทธบาท เป็นที่น่ารื่นรมย์ด้วยธรรมชาติสัตว์ต่างๆพันธุ์ไม้ต่างๆ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรได้เสด็จประพาสป่าและทรงพรรณนาลักษณะของสัตว์ความงามของต้นไม้ดอกไม้ไว้อย่างละเอียดในกาพย์ห่อโคลงเรื่องนี้
เที่ยวเล่นเป็นสุขเกษม แสนสิ่งสนุกปลุกใจหวัง
เร่ร่ายผายผาดผัง หัวริกรื่นชื่นชมไพร
สนุกเกษมเปรมหน้าเหลือบ ลืมหลัง
แสนสนุกปลุกใจหวัง วิ่งหรี้
เดินร่ายผายผันยัง ชายป่า
หัวร่อรื่นชื้นชี้ ส่องนิ้วชวนแล
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า
การเที่ยวเล่นในครั้งนี้ช่างมีความสุขสนุกสนาน เหลือเกินเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่า หัวร่อต่อกระซิบกันอย่างสดชื่นรื่นเริงโดยการชี้ชวนให้ชมธรรมชาติต่างๆ
คำศัพท์
- ผาดผัง, ผายผัน หมายถึง เดินอย่างรวดเร็ว
- หรี้ คือ เป็นคำโทโทษของ “รี่” คำโทษคือคำที่ไม่เคยใช้ไม้โท แต่เอา มาแปลงใช้โดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นโท เพื่อให้ได้เสียงโทตามบังคับ, รี่ หมายถึง อาการที่เคลื่อนเข้าไปเรื่อยไม่รีรอ
- สองนิ้ว คือ ชี้นิ้ว
รูปร่างอย่างแพะหมาย ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน
เลียงผาอยู่พ่างพื้น ภูเขา
หนวดพู่ดูเพราเขา ไปล่ท้าย
รูปร่างอย่างแพะเอา มาเปรียบ
ขนเหม็นสาบหยาบร้าย กลิ่นกล้าเหมือนกัน
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า
เลียงผาอยู่บนภูเขา มีรูปร่างคล้ายแพะ มีหนวดงาม ปลายเขาโค้งไปข้างหน้า ขนหยาบและมีกลิ่นเหม็นสาบเช่นเดียวกับแพะ
คำศัพท์
- เพรา , พรายเพรา หมายถึง งาม
- แปล้ หมายถึง แบนราบ
- ไปล่ท้าย หมายถึง ปลายโค้งไปข้างหน้า
กระจงกระจิตเตี้ย วิ่งเรี่ยเรี่ยน่าเอ็นดูเหมือนกวางอย่างตาหู มีเขี้ยวน้อยสร้อยแนมสอง
กระจงกระจิดหน้า เอ็นดู
เดินร่อยเรี่ยงามตรู กระจ้อย
เหมือนกวางอย่างตาหู ตีนกีบ
มีเคี่ยวขาวน้อยช้อย แนบข้างเคียงสอง
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า
กระจงเป็นสัตว์ที่มีตัวขนาดเล็กมองดูน่ารักน่าเอ็นดู มีตาหูและตีนกีบเหมือนกวาง มีเขี้ยวน้อยสีขาวสองเขี้ยวแต่ไม่มีเขา
คำศัพท์
- กระจิด หมายถึงเล็กน้อย
- แนม หมายถึงแนบ
- กระจ้อย หมายถึงเล็กน้อย
- เคี่ยว หมายถึง เคี่ยว เป็นคำเอกโทโทษของ เขี้ยว
- ช้อย หมายถึงอ่อนช้อย
ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา
ฝูงค่างหว่างพฤกษา ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง
ฝูงลิงยวบยาบต้น พวาหนา
ฝูงชะนีมี่กู่หา เปล่าข้าง
ฝูงค่างหว่างพฤกษา มาสู่
ครอกแครกไล่ไขว่คว้าง โลดเลี้ยวโจนปลิว
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า
ฝูงลิงขย่มต้นพวาอยู่ยวบยาบ ฝูงชะนีร้องกู่หาคู่ของมัน ฝูงค่างกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ ฝูงลิงต่างพากันร้องขู่ตะคอกพร้อมทั้งกระโดดไล่ไขว่คว้ากัน
คำศัพท์
- กระจุ้ย หมายถึง เล็กๆ
- ยวบยาบ หมายถึง อาการที่ลิงขย่มต้นไม้ขึ้นลง
- พวา หมายถึง ต้นมะม่วง
- ครอกแครก หมายถึง เสียงขู่ตะคอกของลิง
งูเขียวรัดตุ๊กแก ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน
กัดงูงูยิ่งพัน อ้าปากง่วงล้วงตับกิน
งูเขียวแลเหลื้อมพ่น พิษพลัน
ตุ๊กแกคางแข็งขยัน คาบไว้
กัดงูงูเร่งพัน ขนดเครียด
ปากอ้างูจึงได้ ลากล้วงตับกิน
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า
งูเขียวตัวเงาเป็นมันแต่ไม่มีพิษถูกตุ๊กแกคาบไว้ ในขณะเดียวกันงูเขียวก็รัดตุ๊กแกจนต้องอ้าปากและเข้าไปล้วงตัยตุ๊กแกเป็นอาหาร
คำศัพท์
- เหลื้อม หมายถึง เหลื้อม เป็นรูปโทโทษของ เลื่อม หมายถึงเป็น เงามัน
- พันขนดเครียด หมายถึง รัดให้แน่นมาก