เปิดโลกหลักภาษา

สร้างโดย : นางอัญชลีพร ลาบุญ
สร้างเมื่อ จันทร์, 22/12/2008 – 22:11
มีผู้อ่าน 131,608 ครั้ง (08/01/2023)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/19074

คำราชาศัพท์

       คำราชาศัพท์ เป็นคำที่ใช้กับพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ และบุคคลทั่วไป คำราชาศัพท์สำหรับคนทั่วไปเรียกว่า คำสุภาพ

คำนาม

       เมื่อจะใช้เป็นคำราชาศัพท์ต้องเติมคำว่า “พระ” และ “พระราช”หน้าคำ เช่น พระชนมายุ พระราชดำริ พระราชทรัพย์ พระราชวัง ฯลฯ คำที่มีความสำคัญมากจะใช้คำ “พระบรม” “พระบรมราช” นำหน้าคำ เช่น พระบรมราชโองการ พระบรมราชชนก พระบรมราชจักรีวงศ์ ฯลฯ

  1. หมวดร่างกาย นำด้วย “พระ” มีดังนี้
    • พระพักตร์ (ดวงหน้า) พระปราง (แก้ม) พระนาสิก (จมูก)
    • พระหัตถ์ (มือ) พระเศียร (ศีรษะ) พระเนตร (ตา)
    • พระกรรณ (หู) พระโอษฐ์ (ปาก) พระบาท (เท้า)
    • พระกร (ปลายแขน) พระทนต์ (ฟัน) พระนขา (เล็บ) พระอุระ (อก) พระโสณี (ตะโพก) พระอุทร (ท้อง)
  2. หมวดเครื่องใช้ เครื่องประดับ มีดังนี้
    • นำด้วย”ฉลอง”
      • ฉลองพระเนตร (แว่นตา) ฉลองพระองค์ (เสื้อ)
      • ฉลองพระบาท (รองเท้า) ฉลองพระหัตถ์ (ช้อน)
    • นำด้วย “พระ”
      • พระแทน (เตียง) พระแท่นบรรทม (เตียงนอน)
      • พระที่ (ที่นอนของเจ้านาย) พระเขนย (หมอนหนุน)
      • พระยี่ภู่ (ที่นอน) พระวิสูตร (มุ้ง)
      • พระภูษา (ผ้านุ่ง) พระสนับเพลา (กางเกง)
      • พระกลด (ร่ม) พระแกล (หน้าต่าง)
      • พระมาลา (หมวก) พระกุณฑล (ตุ้มหู)
  3. หมวดหมู่ญาติ นำด้วย “พระ” มีดังนี้
    • พระอัยกา (ปู่ ตา) พระอัยยิกา พระอัยกี (ย่า ยาย)
    • พระปิตุลา (ลุง-พี่ชายของพ่อ) พระปิตุจฉา (ป้า-พี่สาวของพ่อ)
    • พระชนก พระบิดา (พ่อ) พระชนนี พรมารดา (แม่)
    • พระเชษฐา (พี่ชาย) พระภคินี (พี่สาว)
    • พระอนุชา (น้องชาย) พระขนิษฐา (น้องสาว)
    • พระโอรส (ลูกชาย) พระธิดา (ลูกหญิง)
    • พระนัดดา (หลาน-ลูกของลูก) พระปนัดดา (เหลน-หลานของลูก)
    • พระภาคิไน (หลาน-ลูกพี่หรือลูกน้อง)

       คำว่า “ทรง” “ต้น” “หลวง” จะใช้เติมคำนามธรรมดา เช่น เครื่องทรง ผ้าทรง ม้าทรง ช้างทรง ม้าต้น กฐินต้น เรือหลวง วังหลวง

คำสรรพนาม

       คำสรรพนามที่ต้องเปลี่ยนให้เป็นคำราชาศัพท์ หรือเป็นคำสุภาพ คือ บุรุษสรรพนาม
สรรพนามบุรุษที่ 1 เช่น ข้าพระพุทธเจ้า เกล้ากระหม่อม กระหม่อม หม่อมฉัน กระผม ดิฉัน ผม ฉัน ข้าพเจ้า
สรรพนามบุรุษที่ 2 เช่นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ใต้ฝ่าละอองพระบาท ใต้ฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาท ฝ่าบาท ท่าน คุณ เธอ
สรรพนามบุราที่ 3 เช่น พระองค์ พระองค์ท่าน เธอ เขา หล่อน

คำขานรับ

พระพุทธเจ้าข้าใช้กับพระราชา พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
พ่ะย่ะค่ะ (ชาย)ใช้กับเจ้านายชั้นสูง
เพคะ (หญิง)ใช้กับเจ้านายชั้นสูง
ขอรับกระผม (ชาย)ใช้กับผู้ใหญ่หรือข้าราชการ
ขอรับ ครับ (ชาย)ใช้กับสุภาพชนทั่วไป
เจ้าค่ะ เจ้าขา (หญิง)ใช้กับผู้ใหญ่หรือข้าราชการ
คะ ค่ะ ขา (หญิง)ใช้กับผู้ใหญ่หรือสุภาพชนทั่วไป
จะ จ้ะ จ๊ะใช้กับผู้ที่เสมอกัน ผู้น้อย

คำกิริยา

       คำกิริยาที่ต้องเปลี่ยนเป็นคำราชาศัพท์หรือให้เป็นคำสุภาพ อาจสังเกตได้จากการอ่านข่าว ทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือจากหนังสือพิมพ์ เอกสารของทางราชการ มีข้อสังเกตดังนี้

1) ใช้ “ทรง” นำหน้าคำนาม หรือคำกิริยาธรรมดา

คำนามคำกิริยา
ทรงกีฬา (เล่นกีฬา)ทรงเจิม (เจิม)
ทรงงานศิลปะ (ทำงานศิลปะ)ทรงปฏิบัติ (ปฏิบัติ)
ทรงงานอดิเรก (ทำงานอดิเรก)ทรงผนวช (บวช)
ทรงช้าง (ขี่ช้าง)ทรงพิจารณา (พิจารณา)
ทรงธรรม (ฟังเทศน์)ทรงรัก (รัก)
ทรงบาตร (ตักบาตร)ทรงเลือก (เลือก)
ทรงดนตรี (เล่นดนตรี)ทรงสนับสนุน (สนับสนุน)
ทรงศีล (รับศีล)ทรงสร้าง (สร้าง)

2) ใช้ “ทรงพระ” นำหน้าคำนาม หรือคำกริยา เช่น

  • ทรงพระกรุณา (กรุณา) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ (กรุณา)
  • ทรงพระเมตตา (เมตตา) ทรงพระกันแสง (ร้องไห้)
  • ทรงพระสุบิน (ฝัน) ทรงพระกาสะ (ไอ)
  • ทรงพระอุตสาหะ (อุตสาหะ) ทรงพระพิโรธ (โกรธ)
  • ทรงพระวิริยะ (เพียร) ทรงพระสรวล (หัวเราะ)
  • ทรงพระอักษร (อ่าน-เขียนหนังสือ)

3) คำกริยาที่เป็นราชาศัพท์อยู่แล้ว ไม่ใช้ “ทรง” นำหน้า เช่น

  • ตรัส (พูด) ประสูติ (เกิด)
  • บรรทม (นอน) เสด็จพระราชดำเนิน (ไป)
  • ประทับ ( อยู่ นั่ง) เสด็จนิวัติ (กลับ)
  • โปรด (ชอบ) สรงน้ำ (อาบน้ำ)
  • เสด็จสวรรคต (ตาย) เสวย (กิน)
  • เสด็จประพาส (ไปเที่ยว) สรงพระพักตร์ (ล้างหน้า)

ถ้อยคำที่ใช้สำหรับพระภิกษุ

       พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของประชาชนไทย ในภาษาไทยจึงมีการกำหนดถ้อยคำไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้กับภิกษุสามเณรโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพราะพระภิกษุอยู่ในฐานะที่เป็นผู้สืบศาสนาและเป็นผู้ทรงศีล สามารถเทศนาสั่งสอนประชาชนให้ประพฤติดีประพฤติชอบ จึงควรใช้ภาษาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเคารพนับถือ

คำนาม

คำนามที่ใช้สำหรับพระ๓กษุ ส่วนมากใช้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป เว้นแต่คำบางคำที่กำหนดไว้เฉพาะ เช่น

กาสาวพัสตร์ผู้ย้อมฝาด คือ ผ้าเหลืองพระ
กลดร่มขนาดใหญ่ มีด้ามยาว สำหรับพระธุดงค์โดยเฉพาะ
จีวรผ้าสำหรับห่มของภิกษุสามเณรคู่กับสบง
สังฆาฏิผ้าคลุมกันหนาวสำหรับพระใช้ทาบบนจีวร ใช้พันพาดบ่าซ้าย
ตาลปัตรพัดใบตาล มีด้ามยาว สำหรับพระใช้ในพิธีกรรม
ไทยธรรมของถวายพระ
ธรรมาสน์ที่สำหรับ๓กษุสามเณรนั่งแสดงธรรม
บาตรภาชนะชนิดหนึ่ง สำหรับภิกษุสามเณรใช้รับอาหารบิณฑบาต
บริขารเครื่องใช้สอยของพระภิกษุ มี 8 อย่าง รวมเรียกว่า “อัฐบริขาร”ได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกน เข็ม ประคดเอว กระบอกกรองน้ำ
ปัจจัยเงินที่ถวายพระเพื่อเป็นค่าปัจจัยสี่ คือ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค
ลิขิตจดหมายของพระสงฆ์
จังหันอาหารเช้า

หมวดสถานที่

กุฏิเรือนหรือตึกสำหรับพระภิกษุสามเณรอยู่อาศัย
เจดีย์สิ่งซึ่งก่อเป็นรูปคล้ายลอมฟาง มียอดแหลมบรรจุที่นับถือ เช่น ธาตุเจดีย์
หอไตรหอสำหรับเก็บพระธรรม
อุโบสถสถานที่สำหรับพระสงฆ์ประชุมกันทำสังฆกรรม เรียกสั้นๆ ว่า โบสถ

คำสรรพนาม

  1. คำสรรพนามที่พระภิกษุใช้กับบุคคลระดับต่างๆ มีดังนี้
    • สรรพนามบุรุษที่ 1
      • อาตมา ใช้กับ บุคคลธรรมดาหรือผู้มีตำแหน่งสูง
      • ผม กระผม ใช้กับ พระภิกษุด้วยกัน
    • สรรพนามบุรุษที่ 2
      • มหาบพิตร ใช้กับ พระเจ้าแผ่นดิน
      • บพิตร ใช้กับ พระราชวงศ์
      • คุณโยม ใช้กับ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่
      • คุณ ใช้กับ พระภิกษุด้วยกันที่ฐานะเสมอกัน
      • คุณ เธอ ใช้กับ บุคคลทั่วไป
    • คำขานรับของพระภิกษุ
      • ขอถวายพระพร ใช้กับ พระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์
      • ครับ ขอรับ ใช้กับ พระภิกษุด้วยกัน
      • เจริญพร ใช้กับ ฆราวาสทั่วไป
  2. คำสรรพนามที่บุคคลทั่วไปใช้กับพระภิกษุ มีดังนี้
    • สรรพนามบุรุษที่ 1
      • กระผม ผม (ชาย) ใช้กับ พระภิกษุที่นับถือ
      • ดิฉัน (หญิง) ใช้กับ พระภิกษุที่นับถือ
    • สรรพนาบุรุษที่ 2
      • พระคุณเจ้า ใช้กับ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์
      • พระเดชพระคุณ ใช้กับ พระภิกษุที่นับถือ
      • พระคุณท่าน ใช้กับ พระภิกษุทั่วไป

คำกิริยา

คำกิริยาที่ใช้สำหรับพระภิกษุ มีดังนี้

คำความหมาย
จังหวัดนอนหลับ
จำพรรษาอยู่ประจำที่วัด 3 เดือนในฤดูฝน
นมัสการการแสดงความอ่อนน้อมด้วยการกราบไหว้
บรรพชาบวชเป็นสามเณร
อุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุ
ลาสิกขาสึก ลาออกจากความเป็นภิกษุมาเป็นคนธรรมดา
อาพาธเจ็บป่วย
อาบัติโทษจากการล่วงละเมิดข้อห้ามสำหรับพระภิษุ
เรียกว่า ต้องอาบัติ
มรณภาพตาย

คำสุภาพที่ใช้กับบุคคลทั่วไป

ตัวอย่าง พระบรมราโชวาท

พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กประจำปี 2522

       “เด็กเป็นผู้ที่จะรับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้ใหญ่ รวมทั้งการรับผิดชอบในการธำรงรักษาอิสรภาพและความสงบสุขของบ้านเมือง ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสมควรและจำเป็นที่จะต้องได้รับการอบรมและเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้มีความสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ต่างๆ พร้อมทั้งการฝึกหัดขัดเกลาความคิดจิตใจให้ประณีต ให้มีศรัทธามั่นคงในคุณความดี มีความประพฤติเรียบร้อยสุจริตและมีปัญญาฉลาดแจ่มใสในเหตุในผล หน้าที่นี้เป็นของทุกคนที่จะร่วมมือกันกระทำโดยพร้อมเพรียงสม่ำเสมอ ผู้ที่เกิดก่อน ผ่านชีวิตมาก่อนจะต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ผู้เกิดตามมาภายหลังด้วยการถ่ายทอดความรู้ ความดี และประสบการณ์อันมีค่าทั้งปวงให้ด้วยความเมตตาเอ็นดูและด้วยความบริสุทธิ์ใจให้เด็กไทยได้ทราบ เข้าใจ และสำคัญที่สุดให้รู้จักคิดด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง จนสามารถเห็นจริงด้วยตนเองได้ในความเจริญ และความเสื่อมทั้งปวง”

  1. ลักษณะของคำสุภาพ
    1. เป็นถ้อยคำที่ดีงาม ไม่เป็นคำที่เหยียดหยามผู้ใด
    2. เป็นถ้อยคำที่ใช้ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ และบุคคล
    3. เป็นถ้อยคำที่บุคคลทุกระดับใช้สื่อความหมายกันได้โดยมีการคารวะและให้เกียรติกัน
    4. ไม่ใช้คำหยาบ คำกระด้างอันเป็นที่ระคายหูระคายใจของผู้อื่น
    5. ไม่ใช้คำผวน คำที่มีความหมายสองแง่เป็นไปในทางหยาบโลนและคำสแลง ซึ่งคำสแลง หรือคำคะนองนี้ เป็นคำที่นิยมใช้พูดกันเฉพาะกลุ่มเป็นครั้งคราวแล้วก็มีคำใหม่ขึ้นมาอีก
      ตัวอย่าง เช่น คำสแลงในหมู่วัยรุ่น เช่น แซว ซ่าส์ ปิ๊ง แจ๋ว จ๊าบ กิ๊ก ฯลฯ
  2. คำสุภาพที่ใช้ในโอกาสต่าง ๆ
    1. ถ้อยคำขอความเห็นใจ จะใช้คำสุภาพจูงใจให้ผู้ฟังเกิดความเมตตา
    2. ถ้อยคำเตือนใจให้แง่คิด

ภาษาน่าใช้

       ภาษาของกลุ่มบุคคล บุคคลในวงการต่างๆ ในสังคมจะมีภาษาหรือถ้อยคำที่ใช้เฉพาะ เพื่อสื่อสารให้เข้าใจในกลุ่มของตนเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ภาษาของกลุ่มบุคคล มีดังนี้

  1. ภาษาในวงการแพทย์
    • รายนี้ต้องฉีค วัคซีน(เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ฉีคเข้าร่างกายเป็นภูมิค้มกัน)
    • จำเป็นต้อง เอกซเรย์ ปอดหน่อยค่ะ (ฉายแสง)
  2. ภาษาในวงการศึกษา
    • เรา ปฏิรูป การศึกษาแล้ว (เปลี่ยนแปลงและพัฒนา)
    • นักเรียนต้อง ลงทะเบียน เรียนก่อน (ลงรายการวิชาที่เรียน
  3. ภาษาในวงการธุรกิจ
    • เขารับ เช็ค แล้ว (หนังสือตราสารที่ผู้สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ)
    • สภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เกิด หนี้เสีย จำนวนมาก (หนี้ที่ไม่เกิดรายได้)
  4. ภาษาในวงการเทคโนโลยี
    • คอมพิวเตอร์ใช้การไม่ได้ลองตรวจดูให้หน่อย (สมองกล)
    • ช่วยส่ง อีเมล มาด่วนด้วย (จดหมายอิเล็กทรอนิกส์)
  5. ภาษาในวงการเกษตรกร
    • เกษตรกรนิยมใช้ ปุ๋ยชีวภาพ กันมาก (ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์)
    • ปีนี้ฝนน้อยอากาศแห้งแล้งชาวนาควรงดทำ นาปรัง (ทำนาครั้งที่ 2 )

ระดับภาษา

       ภาษาไทยที่มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ต้องเปลี่ยนระดับภาษาให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล เมื่อใช้ภาษาต่างเวลา ต่างสถานที่ และต่างฐานะบุคคลกันต้องเลือกสรรใช้ถ้อยคำต่างกัน ในการพูดหรือการเขียนทั่วๆ ไป ระดับภาษาในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  1. ภาษาแบบแผน คือภาษาที่ยอมรับกันว่าเป็นภาษาที่ถูกต้อง ดีงามเป็นภาษาที่ใช้ในระดับพิธีการและระดับทางการใช้ในการเขียนตำราและการติดต่อราชการ
  2. ภาษากึ่งแบบแผน คือ ภาษาที่ใช้ในการสนทนาที่ต้องรักษามารยาท หรือสนทนาระหว่างผู้มีฐานะต่างกัน เป็นภาษาที่ใช้พูดหรือเขียนในที่ชุมชน เช่น การอภิปราย การพูดทางวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ การเขียนบทความทั่วๆ ไป
  3. ภาษาปาก คือ ภาษาที่เป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน เป็นภาษาระดับกันเอง เช่น ภาษาที่ใช้พูดจา ติดต่อกันในชีวิตประจำวัน ภาษาที่ใช้กับเพื่อนสนิท ฯลฯ
ภาษาแบบแผน
ข้าพเจ้า
บิดา
กรุงเทพมหานคร
รับประทาน
มาก
ภาษากึ่งแบบแผน
ดิฉัน ผม หนู
คุณพ่อ
กรุงเทพฯ
กิน
มากมาย
ภาษาปาก
ข้า
พ่อ
บางกอก
ยัด
เยอะแยะ ถมถืด

เอกสารอ้างอิง : เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ป 6. กรุงเทพฯ. อักษรเจริญ อจก. 2544.