สร้างโดย : นางพิชยา เสนามนตรี
สร้างเมื่อ อาทิตย์, 16/11/2551- 22:42
ที่มา
ประเพณีการเห่เรือของไทยมี ๒ ประเภท คือ
๑. เห่เรือหลวง เป็นการเห่ในพระราชพิธี ในสมัยโบราณสันนิษฐานว่าใช้ภาษาสันสกฤตของอินเดีย ซึ่งเป็นมนต์ในตำราไสยศาสตร์ ต่อมาได้นำบทพระราชนิพน์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์มาใช้เห่เรือหลวง
๒. เห่เรือเล่น เห่ในเวลาแล่นเรือเที่ยวแตร่ เพื่อความรื่นเริงและให้ฝีพายพายพร้อมๆ กัน การเห่เรือเล่นใช้ภาษาไทย การพายใช้สองจังหวะคือ จังหวะจ้ำกับจังหวะปกติ
การเห่เรือหลวงมี ๔ อย่างคือ เห่โคลงนำกาพย์ หรือเกริ่นโครง เมื่อพระเจ้าแผ่นดินลงประทับในเรือพระที่นั่ง ขณะเรือพระที่นั่งแล่นระหว่างทางใช้ทำนอง ช้าละวะเห่ ซึ่งเป็นทำนองเห่ช้าพลพายนกบินจังหวะช้า พอจวนถึงที่ประทับใช้ทำนอง สวะเห่ ระหว่างทางในการเดินทางกลับเป็นทำนอง มูลเห่ เมื่อจบบทพายจ้ำสามทีส่งทุกบท
๑. อธิบายเนื้อเรื่องกาพย์เห่เรือได้
๒. พิจารณาคุณค่าวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือได้
ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
เนื้อเรื่องย่อ
กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์มี ๒ ตอน
ตอนที่ ๑ ชมพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต “พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย” ต่อจากชมกระบวนเรือ ว่าด้วยชมปลา ชมไม้ ชทนก เป็นลักษณะนิราศ กาพย์เห่เรือเรื่องนี้เห็นได้ในสำนวนว่าเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ทรงนิพนธ์สำหรับเห่เรือของท่านเอง เวลาตามเสด็จขึ้นพระพุทธบาทออกจากจังหวัดพระนครศรีอยุทธยาแต่เช้า พอตกเย็นก็ถึงท่าเจ้าสนุก
ตอนที่ ๒ เป็นคำสังวาสเอาเรื่องพระยาครุฑลักนางกากีมาทำบทขึ้นต้นว่า ไกงกรโอบอุ้มแก้ว เจ้างามแพร้วสบสรรพพางค์” แล้วว่าต่อไปเป็นกระบวนสังวาสจนจบ
ในที่นี้จะยกตัวอย่างให้ศึกษาบางตอนคือ บทเห่ชมเรือกระบวน บทเห่ชมปลา บทเห่ชมไม้ บทเห่ชมนก และจบลงด้วยบทเห่ครวญ
ลักษณะการแต่ง
ตอนที่ ๑ กล่าวชมเรือกระบวน ชมปลา ชมไม้ ชมนก และแทรกบทครำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก
ตอนที่ ๒ เป็นบทเห่เรียกว่า เห่กากีเป็นบทคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รักเพียงอย่างเดียว
ลักษณะการแต่งประกอบด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท ใช้เป็นบทนำกระบวนความแตละตอน และต่อด้วยกาพย์ยานี ๑๑ พรรณนาความของเนื้อหาในเนื้อเรื่อง จนจบตอนหนึ่งๆ โดยไม่จำกัดจำนวนบท