
โรคไม่ติดต่อ
สร้างโดย : นายสมาน ถวิลกิจ และนางสาวสุพัตรา บุญพรม
โรคหัวใจวาย
สร้างเมื่อศุกร์, 27/11/2009 – 16:26
มีผู้อ่าน 36928 ครั้ง (13/10/2022)
โรคหัวใจวาย

โรคหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจตาย
การทำงานของหัวใจเกิดจาการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งได้รับอาหารจากหลอดเลือดโคโรนารี ถ้าหลอดเลือดแดงนี้เกิดแข็งตัวหรือตีบแคบลงจากไขมันไปเกาะหรือมีพังผืดภายใน ผนังหลอดเลือด เลือดจะไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก โดยเฉพาะขณะออกกำลังกาย ทำให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือด และเมื่อเส้นเลือดแข็งตัวมากขึ้นจะเกิดการอุดตันของเส้นเลือด เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ หัวใจได้ เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย
โรคหัวใจขาดเลือด หมายถึง ภาวะผิดปกติของการทำงานของหัวใจ อันเนื่องมาจากกล้ามเนื้อหัวใจ ได้รับเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอกับความต้องการ
สาเหตุ
ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูงนี้ เป็นปัจจัยสำคัญอันเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบตัน เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา(เจ็บ แน่นหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจตาย เสียชีวิตตอย่างเฉียบพลัน) โรคสมองขาดเลือด (อัมพาต อัมพฤกษ์) ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรมและประเทศที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรม
ไขมันในเลือดสูง หรือ โคเลสเตอรอลในเลือดสูง โดยที่โคเลสเตอรอลในเลือดเป็นไขมันประมาณร้อยละ 75 อีกร้อยละ 25 ได้จากอาหารที่เราบริโภค เช่น เนื้อสัตว์ ตับ สมอง นม เนย ไข่แดง (ไข่แดงเป็นสารอาหารที่ให้โคเลสเตอรอลมากที่สุด ไข่แดง 1 ฟอง มีโคเลสเตอรอล 250-300 มิลลิกรัม ส่วนในไข่แดงไม่มี)
โคเลสเตอรอลในเลือดมี 2 ชนิด
- โคเลสเตอรอลอันตราย ถ้าเมื่อใดมีโคเลสเตอรอลประเภทนี้ในระดับสูงเกินไป จะทำให้โคเลสเตอรอลไปจับสะสมตามผนังหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ทำให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบแคบ
- โคเลสเตอรอลดี เป็นโคเลสเตอรอลประเภทที่ให้ประโยชน์ ทำหน้าที่จับสารโคเลสเตอรอลตามผนังหลอดเลือดและนำไปทำลายที่ตับ จากการศึกษาพบว่าบุคคลที่มีระดับโคเลสเตอรอลประเภทนี้สูง ไม่ค่อยเกิดโรคหัวใจขาดเลือด มักจะมีอายุยืนยาว โคเลสเตอรอลดีช่วยป้องกันการเกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบแคบ ภาวะความสมดุลของระดับไขมันทุกชนิดในเลือดจะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด

อาการ
- เจ็บหน้าอกด้านซ้ายหรือบริเวณลิ้นปี่เป็นพักๆอาจเจ็บแบบ
- เจ็บแน่นๆหนักๆเหมือนกดหรือมีอะไรวางทับ
- เจ็บรัดในอก ทำให้หายใจไม่สะดวก
- อาจมีอาการร้าวไปบริเวณคอ กราม หรือแขน 2 ข้าง
- เจ็บลึกๆใต้ผนังทรวงอกลงไป
- อาจมีอาการใจสั่น
- ถ้าเจ็บหน้าอกนานกว่า 20 นาที อาจหมายถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ต่อไปอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตฉับพลัน
- สมองขาดเลือดไปเลี้ยงทำให้เป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์ได้
ปัจจัยเสี่ยง
- อายุ-เพศ เพศชายมักพบมากกว่าเพศหญิง ผู้ชายมักเริ่มมีอาการของโรคนี้ตั้งแต่อายุ 40-50ปีขึ้นไป ผู้หญิงมักเริ่มเป็นมากขึ้นเมื่อพ้นวัยหมดประจำเดือน
- โรคความดันโลหิตสูง
- การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมาก แก้ไขโดยงดสูบ เมื่อเลิกสูบบุหรี่ 10 ปีขึ้นไปแล้ว อัตราเสี่ยงจะใกล้เคียงผู้ไม่สูบบุหรี่
- มีไขมันในเลือดสูง ระดับโคเลสเตอรอลทั้งหมดในเลือดโดยเฉลี่ยไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 ซีซี (200 mg/100cc.)
- โรคอ้วน ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมัน
- โรคเบาหวาน
- ขาดการออกกำลังกาย
- กรรมพันธุ์ โดยเฉพาะมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคนี้ก่อนอายุ 45 ปี

การรักษา
ต้องปฏิบัติตัวและติดตามการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- การควบคุมรักษาปัจจัยเสี่ยง เพื่อช่วยลดการดำเนินของโรคไม่ให้เพิ่มขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในรายที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด
- ควบคุมอาหารและจำกัดการรับประทานไขมัน โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนประกอบพวกไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมัยสัตว์ (หมู เนื้อ เป็ด ไก่)) ไข่แดง กะทิ หอยนางลม นม เนย และควรจำกัดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลด้วย
- ลดความอ้วนและออกกำลังกาย พยายามควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นการเพิ่มการเผาผลาญอาหารโดยเฉพาะช่วยลดโคเลสเตอรอล ความดันโลหิตและโรคเบาหวาน
- งดสูบบุหรี่
- ลดความเครียด
- ปรึกษาแพทย์ ตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจหาโรคที่อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยง เมื่อรู้ว่าเป็นโรคเหล่านี้แล้วต้องรีบรักษา โอกาสที่จะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะลดลงมาก
- การรักษาโดยการใช้ยา
- ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ เป็นยาเม็ดอมใต้ลิ้นและยาพ่นในช่องปาก ใช้เมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ให้อมใต้ลิ้น 1 เม็ดห่างกัน 5-10 นาที ถ้าอมยาติดต่อกัน 3 เม็ด แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์ ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ควรเก็บไว้ในขวดสีชา ปิดฝาแน่นเพื่อป้องกันแสงและควรพกยานี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา
- ยาอื่นๆ ได้แก่ ยาไนเตรตที่ออกฤทธิ์ยาว ยากั้นเบต้า ยาต้านแคลเซียม เป็นต้นซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละรายไป
- การขยายรูของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ด้วยท่อยางลูกโป่ง ซึ่งไม่ต้องผ่าตัดใหม่ หรือถ้าเป็นมาก อาจต้องผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจที่ตีบแคบโดยตรง
แหล่งอ้างอิง: http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no46-48/red8.html