ถอดคำประพันธ์กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

สร้างโดย : นายณรงค์ นาริต
สร้างเมื่อ อังคาร, 02/08/2011 – 15:24
มีผู้อ่าน 437,058 ครั้ง (24/10/2022)
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/107363

ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์  เรื่อง  พระไชยสุริยา

          ยานี ๑๑-สาธุฉันขอไหว้คุณพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  พ่อ  แม่  ครู  อาจารย์  เทวดาที่สิ่งสถิตตามที่ต่างๆ-ฉันจะเอา  ก  ข  ก  กา  มาต่อคำกันเท่าที่จะหาได้  จะดีหรือไม่อย่างไรก็ขออย่าได้ดุถูกกัน-จะบรรยายคำต่อไปนี้เพื่อเป็นสิ่งล่อใจเด็กๆ  ว่า  ยังมีเมืองๆ หนึ่ง  ชื่อว่าสาวะถี  มีพระราชาชื่อพระไชยสุริยา  มีพระมเหสีชื่อสุมาลี  พระองค์ปกครองบ้านเมืองอยู่อย่างเป็นสุข-เหล่าขุนนางต่างมีอัชญาศรัยที่ดี  เลี้ยงดูบิดามารดา  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข-ชาวเมืองต่างอยู่กันอย่างเป็นสุข  การเกษตรได้ผลอุดมสมบูรณ์  ข้าวปลาอาหารได้ผลดี-ต่อมาเหล่าขุนนางต่างพากันหาหญิงสาวที่มีหน้าตาดีมาขับกล่อมเล่นดนตรีที่บ้าน-ตกตอนเย็นมีการเล่นดนตรี  สีซอขับกล่อม  เข้าห้องหอเสพกามกับหญิงสาวเหล่านั้น  จนทำให้เหล่าภรรยาโกรธ-ไม่เชื่อถือคำที่พระเจ้าสั่งสอน  หันไปเชื่อเรื่องไสยศาสตร์  ถือตัวดีว่ามีข้าทาสบริวาร  คนใดทำไม่ถูกใจก็จับไปจองจำ-คดีใดที่มีการติดสินบนให้ผู้พิพากษาก็มีการเปลี่ยนแปลงคดีจากแพ้กลายเป็นชนะ  – ไม่ยึดถือเอาตามประเพณี  ใครที่เห็นดีเห็นงามด้วยกับตนก็มีความดีความชอบ  ผู้ใดเชื่อถือพระเจ้า  กลับกลายเป็นคนโง่  คนแก่  ขุนนางอาวุโส  กลายเป็นคนโง่ไปด้วยด้วย  พระภิกษุ  ผู้ทรงศีล  ต่างพากันละทิ้งพระธรรม บทสวดคาถาต่างๆ- ไม่จำคำสั่งสอนของผู้ใหญ่  เป็นคนหัวดื้อ ยโสโอหัง  สิ่งใดดีก็ไม่นับถือ-ชาวเมืองสาวะถีต่างไม่มีใครปราณีต่อใคร  ต่างคนเอาแต่ใจตนเอง  ใครมือยาวสาวได้สาวเอา-คนที่มีกำลังมาก  ก็ถือเอาสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่มีการซื้อหรือขอเห็นอะไรล่อตาล่อใจ เช่น ผ้าผูกคอก็หยิบเอาตามที่ตนต้องการ- เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างไม่ยึดถือตามคำที่ตนเองทำพิธีดื่มน้ำสาบานตนก่อนรับราชการ-ต่างคนหาอะไรได้ก็หาเอา  ประชาชนพากันโศกเศร้า  คนที่มีตำแหน่งสำคัญต่างพากันไล่ตีด่าผู้ที่อ่อนแอกว่า- ผีป่ามาทำให้ชาวเมืองถึงแก่ความตาย  โดยมีน้ำป่าไหลท่วมเข้ามาในเมืองจนชาวเมืองไม่มีที่จะอาศัย-เหล่าเสนาอำมาตย์หนีไปอยู่เมืองอื่นไกลออกไป  นักบวชผู้รอบรู้ต่างพากันหนีไกลจนไม่มีคนอยู่ในเมือง

          ฉบัง ๑๖-พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือสำเภา-ข้าวปลาอาหารพร้อมกับเด็กหญิงสาววัยรุ่นก็ขนลงไปในเรือ-คนแก่พร้อมหญิงสูงอายุในวัง  เหล่าเสนาอำมาตย์ก็มาพร้อมกับลำเรือ-เมื่อตีเคาะโลหะให้มีเสียงดังแล้วก็ชักใบเรือขึ้นประจวบเวลาที่พายุพัดใบเรือจึงทำให้เรือแล่นออกไป-เรือลอยมาตามน้ำไหล  ในตอนค่ำตอนเช้าทำให้เปลี่ยวใจเมื่ออยู่ที่ในท้องทะเล-พื้นแผ่นดินที่จะอาศัยไม่มี  พระราชาและมเหสีเฝ้ามองดูที่ขอบหน้าต่างเรือ-ปลากะโห้  ปลาโลมา  ปลาราหู  ปลาเหรา  ปลาทู  มีอยู่เต็มท้องน้ำ-พระราชารู้สึกหว้าเหว่ใจ  ลมพายุพาเรือลอยล่องไปตามท้องทะเลแต่เพียงลำเดียว-พระราชาได้ตรัสกับเหล่าเสนาอำมาตย์ว่าใครรู้ข้อเท็จจริงบ้างว่าทะเลนี้มีความเป็นมาใหญ่โตเพียงใด-เหล่าเสนาอำมาตย์ทูลพระราชาว่าท้องทะเลนี้ใหญ่โตยิ่งนัก-น้ำไหลมาจากด้านปากวัวแผ่ไหลออกไปลงสู่แม่น้ำใหญ่-ความเชื่อตามคัมภีร์นี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง  ข้าพระพุทธเจ้ายึดถือตามคำที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมา-แต่ก่อนมีพญานกร่างกายใหญ่โตเท่าภูเขาเป็นผู้ดูแล- ชื่อว่าพญาสัมพาที(เป็นลูกพญาครุฑ) ต้องการรู้ข้อเท็จจริงว่าท้องทะเลนี้กว้างเท่าใด-มีความยโสบินออกไปจนดวงอาทิตย์ใกล้ค่ำ- มองไปทางใดไม่พบพื้นดิน  จนรู้สึกย่อท้อ  ใกล้จะสิ้นใจ-พอดีมีปลาว่ายมาตามน้ำพญานกก็โผไปเกาะที่หัวปลา-มองออกไปจนสุดสายตา  จึงของ้อปลา  ว่าข้าขออภัยท่านด้วย-แม่น้ำที่เราอยู่ใกล้หรือไกลเพียงใดข้าขอถามทางท่านด้วยเถิด- ปลาตอบว่าข้ายังอายุน้อยอยู่  ไม่ได้ไปมาที่อื่น  เลยไม่รู้  จวบจนกระทั่งมาอยู่ริมฝั่งไม่ไกลจากแผ่นดิน-พญานกรู้สึกอาลัยในชีวิตจึงกล่าวลาปลาบินไปสู่ภูเขาที่ตนเองอาศัยอยู่-เหล่าเสนาอำมาตย์ทูลพระราชาจนพระองค์เข้าใจและรู้สึกหว้าเหว่ใจยิ่งนัก- จำใจล่องเรือไปในท้องทะเลตามเวรตามกรรม  จนพายุใหญ่พัดเรือหันเหออกไป- สมอเรือครูดไปตามพื้นท้องน้ำ  ใบเรือขาด  น้ำไหลเข้ามาในเรือ-ผีซ้ำด้ามพลอยใบเรือขาดและเสาหัก  จนทำให้เรือล่ม-พระราชาคว้าเอาข้อมือพระมเหสีแล้วเอาผ้าสไบผูกมัดไว้ไม่ให้ไกลตัว-คนแก่พร้อมหญิงสูงอายุในวัง  ถูกน้ำพัดเข้าหูเข้าตา  จระเข้  เหรา(สัตว์ครึ่งนาคครึ่งมังกร)  คาบไป- พระราชาและพระมเหสีร่ำให้กับเวรกรรมที่ได้รับ  จำใจเดินทางต่อไปจนพบพื้นแผ่นดินมีต้นไทรใบหนา  จึงเข้าไปนอน  พอดีกับเวลาพลบค่ำ

          สุรางคนางค์  ๒๘- ขึ้นบทใหม่ในแม่กน  คละระคนปนกันกับแม่  ก  กา  น่าสงสารพระราชา  ที่ต้องมานอนในป่า  ใต้ต้นไทร  แทนที่จะได้นอนที่ปราสาท-ส่วนพระมเหสี  อยู่ปรนนิบัติพระสวามี  เหมือนเดิมเพื่อให้พระองค์คลายทุกข์-พระองค์ชวนพระมเหสีนอน  โดยใช้ขอนไม้แทนหมอน- วันนั้นดวงจันทร์  มีดวงดาวห้อมล้อมเป็นบริวาร  มองเห็นพื้นดิน  ดอกไม้  แผ่กิ่งก้านสวยงาม ภายใต้แสงจันทร์-เย็นชื่นฉ่ำละอองหมอก  ความสดชื่นของดอกไม้  ลมพัดพากลิ่นหอมหลากหลายกลิ่น  ตัวแตน  ต่อ  บินตอมกันว่อนไปทั่ว-พระจันทร์เคลื่อนขยับ  ไก่ป่าขันเตือน  พร้อมกับเสียงขานรับจากตัวอื่นๆ  ทั่วทั้งขุนเขา-พระราชาตื่นนอน  เมื่อยามห่างไกลพระนครก็ทอดถอนใจ  บรรยากาศตอนเช้าเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบเขา  จำเป็นต้องเดินทางในป่าตามเวรกรรมอีกครั้ง 

          ฉบัง ๑๖- ขึ้นแม่กง  และแม่กน  จงจำไว้ให้ดี  จะพรรณนาเรื่องในป่าดง- ต้นไกร  กร่าง  ยาง  ยูง  มีลำต้นสูงเรียวระหง  ต้นตลิงปริง  ประยงค์  คันทรง  ต่างส่งกลิ่นทั่ว-ต้นมะม่วง  พลวง  พลอง  ช้องนาง  ใบหล่นเกลื่อนเต็มตามทาง  กินผลไม้พลางเดินไปพลางระหว่างเนินเขา-มองเห็นกวางกำลังเยื้องย่างเดิน  พร้อมกับชำเลืองมองดูเหมือนกับเชิญชวนให้มองดูความสวยงามและระวังอันตรายรอบข้างไปในตัว-มองไปที่เขาสูงเห็นฝูงหงส์กำลังโฉบลงเรียงกัน  ต่างพากันร้องอย่างรื่นเริงสำเนียงเสนาะไพเราะวังเวงยิ่งนัก-กลางป่ามีไก่ขันแข่งกันฟังเหมือนเสียงซอที่บรรเลงมาจากในวัง-นกยูงทองร้องเสียงดังเหมือนเสียงฆ้อง  กลอง  ระฆัง  แตร  สังข์  ดังควบคู่ขานเสียง-นกกะลิง  นกกะลาง  นกนางนวล  นอนเคียงกัน  นกไก่ฟ้าพญาลอ  คลอเคียงคู่กัน  พร้อมนกนางแอ่น  นกเอี้ยง  นกอีโก้งและนกโทงเทง-ค้อนทองร้องเสียงดังป๋องเป๋ง  ฟังเสียงเพลินวังเวง  อีเก้งเริงเริงลองเชิงกัน-ฝูงละมั่งพากันมากินดิน  นอนผึ่งแดด  ดูบึกบึนแข็งแรงและรื่นเริง  ยืนมองทำหน้าตาโพลงบริเวณป่าต้นยูง  ต้นยางที่สูง มีช้างอยู่โขลงใหญ่กำลังส่งเสียงและลงเล่นน้ำ 

          ยานี ๑๑- ขึ้นแม่กก  ตกทุกข์ได้ยาก  มีความลำบากเมื่อพลัดพรากจากวัง  ได้อาศัยกินเผือก  มัน  และผลไม้  เพื่อให้ได้แรง-เมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะหมดแสง  เป็นช่วงที่มองดูแล้วเหมือนกับน้ำครั่งที่กำลังแดง  แฝงเข้าไปในเมฆระหว่างขุนเขา-ฝูงลิง  ค่าง  ต่างพากันครางโครกครอก   ฝูงสุนัขจิ้งจอกออกมาเห่าหอน  ชะนีส่งเสียงดังวิเวก  นกต่างโผเข้าสู่รังนอน  เรียงกันเป็นแถวลูกนกยกปีก  อ้าปากรอรับอาหารจากแม่เสียงดังเซ็งแซ่  แม่นกยกปีกป้องเอาไว้พร้อมกับป้อนอาหารให้ลูก

          ยานี ๑๑- ขึ้นแม่กด  บทนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์  เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง  นกตกออกจากรัง  ฝูงสัตว์ทั้งปวงต่างง่วงงัน-ในดินแดนของมนุษย์  เสียงดังเหมือนไฟไหม้  ตึก  บ้านเรือนต่างไหวเคลื่อน-บ้านช่องใหญ่น้อย  ต่างตื่นตกใจ  ร้องเรียกเพื่อนบ้าน  ลุกวิ่งหนีชนกันชุลมุนวุ่นวายเครื่องดนตรี  ระนาด  ฆ้อง  ตะโพน  กลอง  ร้องเป็นเพลง  เสียงระฆัง  ดังโหง่งหง่างเหง่ง  ฟังน่าวังเวงยิ่งนัก

          ยานี ๑๑-ขึ้นแม่กบ  และจบที่แม่กด  มีฤาษีบูชาไฟอยู่ตนหนึ่ง  บำเพ็ญตนอย่างสุขสงบอยู่ในป่ามาช้านาน-ได้หลับตาเอนตัวพิงกับต้นไม้เหมือนกับกำลังนอนหลับ  โดยบำเพ็ญศีลเข้าญาณอยู่-บำเพ็ญพรตจนรู้เห็นทั่วพื้นดินท้องฟ้าและจักรวาล  สรวงสวรรค์ท่านรู้เห็นหมดทั้งสิ้นทั่วโลก-เข้าฌานเป็นเวลาแรมเดือน  ไม่ขยับเขยื้อนกาย  จำศีลไม่กินอาหาร  อยู่อย่างมีความสุขนับเดือนนับปี-ในวันนั้นเกิดแผ่นดินไหว  มีเหตุการณ์ในป่า  จึงได้เล็งดูและรู้ว่ามีเหตุกาลกิณีอยู่ สี่อย่าง  คือ-เห็นผิดเป็นชอบ  คนอันธพาล  ทำร้ายคนซื่อสัตย์  – ศิษย์คิดล้างครู  ลูกไม่รู้คุณพ่อแม่  พูดจาส่อเสียดกัน  เบียดเบียนฆ่าฟันกัน- มีความโลภ  ไม่คิดเรื่องบาป  ชอบจับผิดกัน  จนพื้นดินเกิดปั่นป่วน  ท้องฟ้ามืดมิดบรรดาสัตว์ต่างๆ  เกิดมีบาปขึ้น  มีทุกข์มากขึ้น  ถึงเวลาแห่งการอวสาน

          ฉบัง  ๑๖- ขึ้นแม่กมพระฤาษี  รู้สึกเอ็นดูพระราชาผู้ครองเมืองสาวะถี-ซึ่งซื่อตรงแต่หลงเล่ห์เหลี่ยมเสนาอำมาตย์ที่ชั่วร้ายจึงทำให้บ้านเมืองล่มจม-จึงคิดที่จะโปรดพระราชา  ให้เลื่อมใสศรัทธาในการบำเพ็ญตนให้สำเร็จ-จึงบอกเล่าด้วยเสียงอันไพเราะเหมือนเสียงพิณของพรอินทร์ว่าวันหนึ่งเราต้องตาย-การเบียดเบียนกันมีแต่จะนำทุกข์มาให้ทำให้มีบาปติดตัวไปนาน-ความเมตตากรุณาจะนำไปสู่สรวงสวรรค์  ทำให้มีแต่ความสุขทุกวัน-สมบัติของสัตว์  มนุษย์  ครุฑ มีการกลับเปลี่ยนไปมา  ไม่เหมือนสมบัติของเทวดา-มีความสุขในวิมาน  อิ่มหนำสำราญพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ-กระจับ  ปี่  ซอ  ประสานสำเนียงกัน  ดังเหมือนกับมีนางฟ้ามาขับกล่อม-ด้วยเดชแห่งบุญกุศลแต่ปางหลังทำให้ได้สมหวังในสิ่งที่ต้องการ- เป็นความจริงญาติโยม  ถ้าสวดมนต์ภาวนา  ต่อไปจะได้เกิดบนสวรรค์-เมื่อเทศนาจบ  พระราชาก็หลุดพ้นจากความคิดที่ปกคลุมด้วยเงาเมฆ ฉบัง  ๑๖-ขึ้นแม่เกย  กล่าวถึงพระราชาเมื่อได้รับฟังธรรมคำสั่งสอนแล้วเกิดเลื่อมใสศรัทธา-เห็นเหตุที่เกิดในนิสัยของมนุษย์  จึงตัดขาดจากบ่วงความทุกข์  พบกับความสำเร็จ-ทั้งสองพระองค์จึงสวมใส่ชุดและหมวกจากหนังเสือ  รักษาศีลเป็นฤาษี-ทุกเช้า  ค่ำทำพิธีบูชาไฟเป็นกิจประจำ-มีพื้นแผ่นดินเป็นที่นอน  มีขอนเป็นหมอนหนุนหัว-เช้า  ค่ำ  เอาไม้กวาดกวาดพื้นจนสะอาด  ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการบำเพ็ญเพียร-จนสำเร็จได้เสด็จสู่สวรรค์  เสวยแต่ความสุขทุกวัน  เป็นเวลานานชั่วกัปกัลป์-สุนทรภู่  ได้ให้ความการุญแต่งบทกลอนขึ้นเพื่อสั่งสอนเด็กๆ ในวัยเรียน- ก  ข  ก  กา  มีการกลับไปกลับมา  พวกเด็กๆ  จงค่อยๆ  เรียนรู้  อ่าน  เขียนปนกันไปทั้งแม่  กม  แม่เกย-ขอให้ระวังตัวกลัวคุณครูนะหนู   ไม้เรียวเลยนะ  ฉันเคยเข็ดหลาบมาแล้ว-ฉันถูกไม้เรียวหวดจนปวดแสบเลย  มิหนำซ้ำยังถูกหยิกจนเขียว   อย่าไปเที่ยวเล่นจนหลงจำเสียละ-ขอบอกให้พวกเธอทราบถึงบาปกรรม  ให้เรียบเรียงคำนี้ให้ดีฉันขอแนะนำให้เอาบุญ-ด้วยเดชะในความกรุณานี้  ถ้าใครเห็นเป็นประโยชน์  ฉันขอแบ่งเอาบุญกุศลเหล่านี้ด้วยนะเธอ